นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยถึงสถานการณ์ถนนทางหลวงชนบทที่ได้รับผลกระทบภาพรวมในขณะนี้ (12 พ.ย. 65) ว่ามีถนนที่ได้รับผลกระทบรวม 13 สายทาง สามารถสัญจรผ่านได้ 9 สายทาง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 4 สายทาง ซึ่งได้สั่งการไปยังสำนักงานทางหลวงชนบท (สทช.) แขวงทางหลวงชนบท (ขทช.) ในพื้นที่ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตระดับน้ำและลาดตระเวนบนโครงข่ายทางหลวงชนบทที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างใกล้ชิดและให้รายงานสถานการณ์ทุกวันจนกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมให้เตรียมเครื่องมือเครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อเข้าสำรวจและดำเนินการซ่อมแซมชั่วคราวทันทีหลังน้ำลด เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ให้ประชาชนสัญจรผ่านได้อย่างสะดวกปลอดภัย ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
อาทิ สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 10 (เชียงใหม่) แขวงทางหลวงชนบทเชียงใหม่ ซึ่งได้เร่งนำเครื่องจักรพร้อมบุคลากร เข้าดำเนินการขุดตักดินที่สไลด์ลงมาปิดทับผิวทางจราจรบนถนนทางหลวงชนบทสาย ชม.4021 แยก ทล.1349 (กม.ที่ 2+500) – บ้านแม่ปะ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ช่วง กม.ที่ 2+050 – 2+100 และถนนทางหลวงชนบทสาย ชม.3052 แยก ทล.107 (กม.ที่ 41+900) – บ้านสบเปิง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ช่วง กม.ที่ 18+080 – 18+120 โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดเหตุดินสไลด์ลงมา ปิดทับผิวทางจราจรทั้ง 2 ช่องจราจร ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จเพื่อให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางสามารถสัญจรผ่านได้ตามปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานในส่วนภูมิภาค เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากเข้าสู่ภาวะปกติ หากตรวจพบสายทางที่เกิดความเสียหายรุนแรงจะเข้าดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ก่อน และให้เร่งดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคา พร้อมภาพถ่ายสภาพความเสียหายหลังน้ำลด เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการฟื้นฟูถาวรต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่แขวงทางหลวงชนบททุกจังหวัด หรือสายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146