สำนักงาน ปปง. ส่งสำนวนคดีให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 281 ล้านบาท

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ ปปง. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 11/2565 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 มีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย (การคุ้มครองสิทธิ ของผู้เสียหาย) แทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน โดยมี 4 คดีสำคัญ สรุปดังนี้

1. รายนางศิริพร หรือนางสาวพชรฯ กับพวก (กรณีสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด) ซึ่งเป็นคดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 9 รายการ มูลค่าประมาณ 76,350,000 บาท พร้อมดอกผล และดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย จำนวน 1 ราย คือ สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด

2. รายบริษัท ฟีนิกซ์ คอนเทนเนอร์ ซัพพลาย จำกัด กับพวก ซึ่งเป็นคดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 91 รายการ มูลค่าประมาณ 75,000,000 บาท พร้อมดอกผล และดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย จำนวนกว่า 600 ราย

3. รายบริษัท ไกอะ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด โดย นายชูอิชิฯ กับพวก ซึ่งเป็นคดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับ การฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 3 (3) และ (18) และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 13 รายการ มูลค่าประมาณ 98,000,000 บาท พร้อมดอกผล  และอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย

4. รายบริษัท คอนเซ็ปต์ ซีรี่ส์ จำกัด โดย นายศุภสรรฯ กับพวก ซึ่งเป็นคดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน  อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 37 รายการ มูลค่าประมาณ 32,400,000 บาท พร้อมดอกผล และอยู่ระหว่าง การพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย

รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจาก 4 คดีดังกล่าว สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกหลายคดี โดยมุ่งเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมเกี่ยวกับ  การกระทำความผิดมูลฐานและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด ในขณะเดียวกัน ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน สำนักงาน ปปง. ก็จะพิจารณาดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย