นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบันส่งผลให้ขณะนี้มีถนนทางหลวงชนบทได้รับผลกระทบล่าสุด (23 ต.ค. 65) รวม 26 จังหวัด ซึ่งได้รับผลกระทบรวม 132 สายทาง สามารถสัญจรผ่านได้ 52 สายทาง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 80 สายทาง แบ่งได้ ดังนี้
ภาคกลาง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี นครนายก นครปฐม รวม 57 สายทาง ผ่านได้ 33 สายทาง ผ่านไม่ได้ 24 สายทาง
– ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน รวม 5 สายทาง ผ่านได้ 3 สายทาง ผ่านไม่ได้ 2 สายทาง
– ภาคกลาง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี นครนายก นครปฐม รวม 57 สายทาง ผ่านได้ 33 สายทาง ผ่านไม่ได้ 24 สายทาง
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ขอนแก่น มหาสารคาม ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ รวม 68 สายทาง ผ่านได้ 16 สายทาง ผ่านไม่ได้ 52 สายทาง
– ภาคใต้ ได้แก่ พังงา ภูเก็ต รวม 2 สายทาง ผ่านไม่ได้ปัจจุบัน
ในเบื้องต้น ทช.ได้ติดตั้งป้ายเตือนและป้ายหลีกเลี่ยงเส้นทาง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนและติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเส้นทางไหนเกิดกรณีถนน/สะพานขาด ก็ได้เร่งเข้าดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้นให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางสัญจรไปมาได้ชั่วคราวได้โดยเร็ว ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อาทิ การติดตั้งสะพานเบลีย์ ความยาว 18 เมตร บริเวณเชิงลาดสะพาน สาย บร.022 สะพานมิตรภาพเมืองบัว – แคนดง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ (ช่วง กม.ที่ 3+590 ถึง 3+600) และการซ่อมแซมถนนทางหลวงชนบทสาย อบ.4005 แยก ทล.2050 – บ้านสะพือ ช่วง อ.ดอนมดแดง กม.ที่ 20+000 – 21+000 จ.อุบลราชธานี ทันทีหลังน้ำลดเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้โดยเร็ว ทั้งนี้ หลังจากระดับน้ำลดเข้าสู่ภาวะปกติ หากตรวจพบสายทางที่เกิดความเสียหายจะดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ชั่วคราวภายใน 7 วัน และจะเข้าดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคา เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณในการฟื้นฟูต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทช.จะติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ได้ทันท่วงทีและจะรายการสถานการณ์ให้ได้รับทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุอุทกภัยบนถนนทางหลวงชนบทได้ที่สายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146