กรมทรัพย์สินทางปัญญา ผนึกกำลัง สิงคโปร์ รุกหน้า หนุน SMEs ไทยใช้ระบบทรัพย์สินทางปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ

กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาสิงคโปร์ (IPOS) หนุน SMEs ไทยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ในการประชุม กรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ ครั้งที่ 6

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ดร.ตัน ซี เหล็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมคนที่สองของประเทศสิงคโปร์ ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาของไทยกับ IPOSโดยมุ่งเป้าให้สตาร์ทอัพ และ SMEs ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในระดับสากลที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา”

นายวุฒิไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นรูปธรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ให้ผู้ประกอบการไทยนำทรัพย์สินทางปัญญาไปต่อยอดธุรกิจและบุกตลาดต่างประเทศอย่างมั่นใจ โดยสิงคโปร์จะช่วยไทยเตรียมความพร้อมเข้าเป็นสมาชิกความตกลงกรุงเฮก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไทยสามารถยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ได้สะดวกและประหยัดในตลาดของสมาชิกอีก 94 ประเทศ คาดว่า อุตสาหกรรมออกแบบของไทยจะเติบโตได้อีกไกลในเวทีโลก จากปัจจุบันที่ผลงานออกแบบโดยคนไทยหลายรายได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ สร้างชื่อเสียงและรางวัลความสำเร็จมากมาย

ซึ่งจากสถิติของกรมทรัพย์สินทางปัญญา พบว่า กว่าร้อยละ 60 ของการจดทะเบียนออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นงานของคนไทย และประเทศไทยมีสถิติยื่นจดออกแบบผลิตภัณฑ์สูงและอยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกและติดอันดับที่ 5 ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง”

“นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้จับมือกับ IPOS พัฒนาหลักสูตรตัวแทนสิทธิบัตรของไทยเพื่อยกระดับคุณภาพคำขอ ตอบสนองกับโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล และพร้อมเร่งหารือแนวทางการแลกเปลี่ยนผลการตรวจสอบสิทธิบัตร เพื่อส่งเสริมการคุ้มครองสินค้าและบริการที่มีเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้วยทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงดึงดูดการลงทุนของต่างชาติเข้ามาในทั้งสองประเทศ และภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย” นายวุฒิไกร กล่าวทิ้งท้าย