สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 7 ต.ค. 65

บริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนลดลง แต่บริเวณภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ (141 มม.) จ.เพชรบุรี (75 มม.) และ จ.ชุมพร (74 มม.)

แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 19 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ ตาก พิจิตร นครสวรรค์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานีขอนแก่น เลย ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ลพบุรี ปราจีนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี

ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 65,181 ลบ.ม. (79%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 57,262 ล้าน ลบ.ม. (80%) เฝ้าระวังน้ำต่ำกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 1 แห่ง บริเวณภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำสูงกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 23 แห่ง ได้แก่ แม่งัด กิ่วคอหมา กิ่วลม แม่มอก แควน้อย ทับเสลา ป่าสัก กระเสียว ห้วยหลวง จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ ลำตะคอง ลำพระเพลิง มูลบน ลำแซะ ลำนางรอง สิรินธร ขุนด่าน คลองสียัด บางพระ หนองปลาไหล นฤบดินทร และบึงบระเพ็ด

ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 48/2565 เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำชี กอนช.ติดตามปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนอุบลรัตน์อย่างต่อเนื่องในวันนี้ มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนประมาณ 170 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสามารถระบายออกได้เพียงวันละ 41 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ระดับน้ำเพิ่มจนเกินระดับเก็บกักสูงสุดและยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ระดับน้ำ +183.35 ม.รทก. สูงกว่าระดับเก็บกักปกติ 1.15 ม. ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำ 2,878 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 119 มีปริมาตรเกินความจุ 458 ล้าน ลบ.ม. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึง กอนช. แจ้งเตือนระดับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์เข้าสู่สภาวะวิกฤต ระดับ 3 คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับวิกฤตหรือสูงกว่าคันดินโนนสัง ซึ่งเป็นคันดินป้องกันชุมชน ที่อาศัยอยู่บริเวณรอบเขื่อนอุบลรัตน์ ดังนี้

1. ระดับน้ำจะสูงถึงระดับเตือนภัย (+183.50 ม.รทก. ) ในวันที่ 7 ต.ค. 65

2. ระดับน้ำจะสูงถึงระดับวิกฤต (+184.00 ม.รทก.) ในวันที่ 8 ต.ค. 65

เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของตัวเขื่อน กฟผ.จึงมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 65 ซึ่งจะทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อนอุบลรัตน์มีระดับน้ำสูงขึ้นและอาจกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณ อ.อุบลรัตน์ เขาสวนกวางซำสูง น้ำพอง และเมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เฝ้าระวังพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปัจจุบันจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก และเฝ้าระวังพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำชี ตั้งแต่ จ.ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และยโสธร

ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 49/2565 เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านบริเวณ จ.นครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 3,077 ลบ.ม./วินาที ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลมารวมกับแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา โดยกรมชลประทานได้พิจารณารับน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกเต็มศักยภาพคลองที่สามารถรองรับน้ำได้ ปัจจุบันระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +17.64 ม.รทก. ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกัก 1.14 (+16.50 ม.รทก.) เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของบานระบายน้ำและตัวเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ +17.60 ม.รทก. ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรามากกว่า 2,900 – 3,000 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 65 ประกอบกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้คาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ โดยระดับน้ำจะมีความสูงประมาณ 1.90 – 2.20 ม.รทก. ในช่วงวันที่ 8 – 13 ต.ค. 65