วันที่ 5 ตุลาคม 2565 เวลา 14.30 น. นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานสักขีพยานใน “พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์”
โดยมี พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และนายวิเชียร เนียมน้อม ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ร่วมลงนาม
พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์และความคาดหวังในการร่วมมือครั้งนี้ว่า “เด็กและเยาวชนถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่ประเทศของเรามีความจำเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมในเรื่องของการพัฒนาเด็กและเยาวชนนั้นเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาครัฐ ภาคเอกชน ในการที่จะให้เขาได้พัฒนาตนเองได้อย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้เขาเป็นทรัพยากรต่อไปในอนาคต การทำงานร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆ จึงมีความจำเป็นที่กรมพินิจฯ จะต้องนำมาใช้ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เด็กนั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพและเป็นคนดีได้ในสังคมและไม่สร้างปัญหาต่อไปในอนาคต
ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรม บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการมอบโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนผู้กระทำผิด โดยการสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู ให้โอกาสด้านการศึกษา ฝึกอบรมอาชีพ ตลอดจนสร้างโอกาสในการเข้าถึงการมีงานทำ เพื่อให้ผู้กระทำผิดนั้นสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างภาคภูมิและดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 จนมาถึงปีปัจุจบัน ซึ่งในปี 2565 นี้ได้ครบวาระ 5 ปีแล้ว กรมพินิจฯ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ จึงมีความเห็นร่วมกันในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขึ้นในวันนี้ เพื่อให้การสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านการศึกษา ส่งเสริมอาชีพให้กับเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษา การฝึกงานด้านการขายปลีกและเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ตลอดจนการรองรับการจ้างงานให้กับเด็กและเยาวชนภายหลังปล่อย เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนได้ปรับตัวเข้าสู่สังคมตามเป้าหมายการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป
กระทรวงยุติธรรม และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ขอขอบคุณบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ที่สนับสนุนการดำเนินงานของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง และมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ในการสนับสนุนและให้โอกาสทางการศึกษาและการฝึกอาชีพ ซึ่งจะช่วยให้เด็กและเยาวชนได้ปรับตัวในทิศทางที่ดี เป็นประชากรที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ ซึ่งถือเป็นปณิธานของการทำงานทั้งสามหน่วยงานในการทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานและจะยั่งยืนต่อไปในอนาคต” พ.ต.ท. วรรณพงษ์ กล่าวปิดท้าย.
ด้าน นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือว่า “เราเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2560 โดยท่านปลัดวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นผู้ให้ความเห็นว่าการทำงานร่วมกันน่าจะเกิดประโยชน์ ต่อมาท่านสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และต่อมาท่าน พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ ได้สานต่อและก็ทำให้เป็นรูปธรรมต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรายินดีและน่าภูมิใจเป็นอย่างมากว่าทางกระทรวงยุติธรรมและกรมพินิจฯ ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และก็สามารถทำให้เราได้ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนได้ โดยตั้งแต่ปี 2560 ที่เราได้เริ่มโครงการ และได้เริ่มรับเด็กและเยาวชนเข้ามาในปี 2561 จนถึงวันนี้เรามีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 111 คน ที่เข้ามาเรียนในระบบและเราได้ดูแลเขา นอกจากนี้เรายังทำการอบรมเรื่องของการทำกาแฟ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการมอบคอมพิวเตอร์ให้แก่ศูนย์ฝึกและอบรมฯ และสถานพินิจฯ ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ ได้นำไปใช้งานได้
บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) เป็นบริษัทคนไทยบริษัทเดียวที่มีพนักงานมากที่สุดในประเทศไทย วันนี้เรามีพนักงานมากถึง 200,000 คน และพนักงานของเราเองก็มีญาติหรือครอบครัวที่ต้องดูแลประมาณ 3 – 5 คน รวมไปถึงซัพพลายเออร์รวมๆ แล้วกว่าสิบล้านคน ซึ่งในสิบล้านคนนี้ก็จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราและมีความจำเป็นที่จะต้องให้เขาดำเนินชีวิตต่อไปได้ โดยการมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว และเราเป็นเพียงบริษัทเดียวที่รับผู้พ้นโทษจากกรมราชทัณฑ์มาเป็นพนักงานของเราปีนึง 2,000 คน โดยที่เราไม่ได้บอกใคร เพราะถ้าหากบอกไปแล้วอาจมีคนตกใจและไม่กล้าเข้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นของเรา ซึ่งเราก็ได้เช็คประวัติพนักงานทุกคน และเราก็มาคุยกัน เพราะว่านี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเขา เมื่อเขาพ้นโทษมาเขาจะมีอาชีพที่อื่นได้อย่างไรเมื่อประวัติเขาเป็นแบบนี้ แต่ซีพีออลล์เป็นบริษัทเดียวที่รับคนกลุ่มนี้ให้มีอาชีพ และช่วยเหลือดูแลกันไปอยู่ตลอด และก็ปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ทำงานได้ดีกว่าคนปกติเสียด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่เราภูมิใจว่า เราให้ความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญกับเรา ให้เกียรติเรา ให้เราได้ดูแลคนกลุ่มนี้ด้วย นอกเหนือจากนั้นเรายังดูแลเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานพินิจฯ ต่างๆ ด้วย ซึ่งทางผอ.วิเชียร ก็จะรับช่วงต่อในเรื่องของการให้ความรู้และหลักการเรียนการสอน รวมทั้งการฝึกวิชาชีพต่างๆ ซึ่งนี่ก็เป็นภารกิจที่ทางวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ดำเนินการอยู่ วันนี้เซเว่นอีเลฟเว่นมีทั้งหมด 13,665 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราทำไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เราอยากที่จะทำเพื่อให้โอกาสให้คนของเราได้มีความก้าวหน้า มีอาชีพ และดูแลครอบครัวต่อไปได้ในอนาคต และนี่คือภารกิจของเรา” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว.
โอกาสนี้ ภายในพิธีลงนามฯ ได้รับเกียรติจาก นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีฯ (2) นางนลินนาถ ไกรนรา รองอธิบดีฯ (3) ตลอดจน ดร.ธเรศวร์ ธนะสมบูรณ์ ที่ปรึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ นายฉัชร์ภิมุก อภินันท์โชติสกุล ผู้อำนวยการบริหารความร่วมมือ คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งจัดขึ้น ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ