รมว.กษ. สั่งการ กรมประมง ระดมทีม ลุยให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ประสบอุทกภัยจากฤทธิ์พายุ “โนรู”

จากอิทธิพลของฤทธิ์พายุใต้ฝุ่น “โนรู (NORU)” ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่

และขณะนี้ ยังมีร่องมรสุมพาดผ่านทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันตกด้วย ซึ่งอาจทำให้มีฝนตกต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยต่อเกษตรกรและพี่น้องประชาชนจึงสั่งการให้กรมประมงส่งทีมเฉพาะกิจ “ศปภ.ปม.” เร่งให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน พร้อมทยอยสำรวจความเสียหายด้านการประมงเพื่อเตรียมวางแผนเยียวยาในระยะต่อไป

นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมง มีความกังวลและห่วงใยถึงการประกอบอาชีพและความปลอดภัยของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการหน่วยงานในสังกัดเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งปฏิบัติการร่วมกัน ในการดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนเป็นการเร่งด่วน สำหรับในส่วนของ กรมประมง ภายใต้การดำเนินงานของ “ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการประมง” หรือ “ศปภ.ปม.” ได้มอบหมายให้กองตรวจการประมง จัดส่งเจ้าหน้าที่ตรวจการประมง ลงพื้นที่ออกให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ต่าง ๆ

รวมถึงสั่งการให้ประมงจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยแก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรและประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างทันท่วงที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าตลอดจนบูรณาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การใช้เรือตรวจการประมงอพยพประชาชนไปอยู่อาศัยในที่ปลอดภัย การมอบเครื่องอุปโภค-บริโภคเพื่อช่วยเหลือการยังชีพในเบื้องต้น เพิ่มการสื่อสารทุกช่องทางเพื่อแจ้งเตือนเกษตรกรให้เฝ้าระวังสถานการณ์และให้คำแนะนำในการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้มีการสำรวจความเสียหายในการประกอบอาชีพด้านการประมง และให้ขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรและประชาชนที่ประสบอุทกภัยด้วย

สำหรับความเสียหายด้านประมงในขณะนี้ จากการสำรวจพบพื้นที่ได้รับความเสียหายแล้ว จำนวน 22 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา ลำพูน สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ อ่างทอง สระบุรี สุพรรณบุรี กรุงเทพมหานคร นครนายก สระแก้ว และระยอง พื้นที่รวมกว่า 5,276.32 ไร่ 864 ตารางเมตร เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ และกระชัง ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 4,810 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 15,135,778 บาท ประมาณการวงเงินช่วยเหลือ 25,871,742.05 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2565) เกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมประมงหากได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานประมงอำเภอ/ประมงจังหวัด เพื่อเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายของเกษตรกรผู้ประสบภัย และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังน้ำลดเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว กรมประมงจะให้การช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเพื่อเป็นการฟื้นฟูการประกอบอาชีพและให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขอรับความช่วยเหลือเบื้องต้นได้ที่สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงในพื้นที่ หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมง กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ กรมประมง โทรศัพท์หมายเลข 0 2558 0218 และ 0 2561 4740