นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันก่อตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ครบรอบ 46 ปี

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้รับมอบหมายจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันก่อตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ครบรอบ 46 ปี พร้อมด้วย นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบกและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด

โดยมี นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นางปาณิสรา ดวงสอดศรี ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ผู้บริหารและพนักงานให้การต้อนรับ ในวันที่ 30 กันยายน 2565 ณ อาคารสำนักงานใหญ่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

นายชยธรรม์ พรหมศร กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงคมนาคมโดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เร่งรัดการสร้างโอกาส ความเสมอภาคทางสังคม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็ก สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ด้วยอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม

รวมทั้งการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพรถโดยสารประจำทาง ด้วยการเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารพลังงานสะอาด ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งตลอดระยะเวลา 45 ปี ที่ผ่านมา องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่ก่อตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. 2519 มีภารกิจในการให้บริการรับ – ส่งประชาชน ด้วยรถโดยสารประจำทาง ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มุ่งเน้นการให้บริการที่มีองค์ประกอบสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่

1. “ความสะดวก” ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารประจำทาง จำนวน 2,885 คัน แบ่งเป็นรถโดยสารธรรมดา จำนวน 1,520 คัน และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 1,365 คัน วิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดินรถ จำนวน 127 เส้นทาง ซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน รวมไปถึงการให้บริการรถโดยสารแบบชานสูงในสถานการณ์ปกติและกรณีเกิดสถานการณ์น้ำท่วมขัง และรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับการให้บริการผู้พิการวีลแชร์ เพื่อให้การดำเนินชีวิตมีความสะดวกสบายและปลอดภัยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

2. “ความสบาย” ขสมก. อยู่ระหว่างการจัดหารถโดยสารปรับอากาศไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มความสบาย ซึ่งจะส่งผลให้การเดินทางเป็นที่น่าประทับใจต่อพี่น้องประชาชน และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนและมลภาวะทางอากาศอีกทางหนึ่งด้วย

3. “ความสะอาด” ดำเนินการตรวจวัดค่าไอเสียของรถโดยสารทุกคัน ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนนำมาวิ่งให้บริการประชาชน เพื่อลดการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

4. “ความประหยัด” ขสมก. มีการจัดเก็บค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยมีอัตราค่าโดยสารต่ำสุดอยู่ที่ 8 บาท ตลอดสาย นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสารล่วงหน้าอิเล็กทรอนิกส์ ในอัตรา 120 บาทต่อสัปดาห์สำหรับรถโดยสารร้อน และ 255 บาทต่อสัปดาห์สำหรับรถโดยสารปรับอากาศ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้บริการรถโดยสาร ขสมก. ได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประจำวันให้กับพี่น้องประชาชน

5. “ความปลอดภัย” มีการติดตั้งระบบ GPS และกล้อง CCTV บนรถโดยสารทุกคัน เพื่อควบคุมความเร็ว และดูแลผู้ใช้บริการภายในรถ รวมทั้งกำกับดูแลการซ่อมบำรุงรถโดยสารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถโดยสารอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา

ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวแสดงความยินดีพร้อมให้โอวาทแก่คณะผู้บริหาร บุคลากร และพนักงาน ขสมก. เนื่องจาก ขสมก. มีภารกิจและบทบาทสำคัญในการช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ยังได้มอบรางวัลให้แก่ผู้บริหารที่ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ และพนักงานดีเด่น เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากร ขสมก. ให้ร่วมกันสร้างสรรค์การให้บริการที่สะดวก ปลอดภัยให้กับประชาชน ผู้ใช้บริการทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ใหม่ของ ขสมก. ที่ว่า “รถเมล์ของทุกคน”