กรมชลประทาน จำเป็นต้องปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ขณะที่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 2 จะผันน้ำเข้า 7 ทุ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 30 กันยายนนี้

นายธนากร  ตันติกุล  ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า  ขณะนี้เกิดฝนตกหนักและหนักมากในหลายพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาบริเวณด้านท้าย 4 เขื่อนหลัก ทำให้มีปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขาไหลลงสู่เเม่น้ำสายหลัก  ปิง วัง ยม น่าน สะเเกกรังเพิ่มมากขึ้น และมีเเนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดย ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน 2,100  ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับ การคาดหมายของกรมอุตุนิยมวิทยา พายุไต้ฝุ่น “โนรู”  จึงคาดว่าจะมีปริมาณฝนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นด้วย

ดังนั้น กรมชลประทานจึงเข้ามาบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพน้ำฝน – น้ำท่า ในระยะต่อจากนี้ไป จึงปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งเเต่วันที่ 28 กันยายนนี้  ซึ่งทะยอยปรับเพิ่มขึ้นจากอัตรา 2,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  เป็นอัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามลำดับ

ด้านนายไพฑูรย์ เก่งการช่าง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 2  กล่าวว่า  จะเริ่มดำเนินการผันน้ำเข้า 7 ทุ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ประกอบด้วย ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งบางบาล ทุ่งบ้านแพน ทุ่งเจ้าเจ็ด ทุ่งบางกุ่ม และทุ่งบางกุ้ง  ตั้งแต่วันที่  30 กันยายนนี้  ขณะเดียวกัน ต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นหลักด้วย เนื่องจากล่าสุดพบว่าทั้ง 7 ทุ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เกษตรกรส่วนใหญ่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว  อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจะพิจารณาจากสถานการณ์ปริมาณของน้ำ ที่จะไม่กระทบกับพื้นที่ด้านท้ายน้ำด้วย