วันที่ 11 กันยายน 2565 นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกรณีที่ปรากฏข่าว ว่า กลุ่มร้านค้าภายในศูนย์อาหารกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทำสัญญาให้บริการขายอาหารภายในศูนย์อาหารกระทรวงยุติธรรม กับบริษัททาร์ปอน แมเนจเม้นท์ จำกัด ประสบภาวะขาดทุน จึงขอเรียกเงินที่ได้ชำระให้แก่บริษัทฯ คืนทั้งหมด และร้องทุกข์กรณีถูกกลั่นแกล้งโดยการตัดแก๊สทำให้ไม่สามารถขายอาหารได้
กระทรวงยุติธรรม ขอเรียนชี้แจงว่า ได้รับคำร้องทุกข์ในประเด็นเกี่ยวกับการเช่าพื้นที่ขายอาหารภายในศูนย์อาหารกระทรวงยุติธรรมกับบริษัทฯ และไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้แก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ร้องมาอย่างต่อเนื่องผ่านการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งร้านค้าที่ประสบปัญหา และบริษัท ทาร์ปอน แมเน้จเมนท์ ซึ่งเป็นคู่สัญญากับร้านค้า
โดยกรณีของกลุ่มร้านค้าที่มีการร้องทุกข์ที่ปรากฎเป็นข่าวนั้น เป็นร้านค้าที่ขายอาหารภายในศูนย์อาหารกระทรวงยุติธรรมในปัจจุบัน และได้เคยยื่นเรื่องร้องทุกข์เพื่อขอให้บริษัทฯ ลดค่าเช่ารายเดือน ขยายระยะเวลาสัญญาเช่าจากเดิม 1 ปี เป็น 3 ปี และขอให้คืนเงินประกันสัญญาตามที่ได้ชำระไปแล้ว ซึ่งได้มีการนัดหมายเจรจาระหว่างบริษัทฯ กับกลุ่มร้านค้าต่างๆ ที่ประสบปัญหาเดียวกันแล้ว สามารถตกลงกันได้ในระดับหนึ่ง
โดยตกลงลดค่าเช่าเหลือ 45% ของจำนวนเงินค่าเช่าตามสัญญา และขยายระยะเวลาสัญญาเช่าออกไปตามอายุสัญญาเช่าระหว่างบริษัทฯ กับกระทรวงยุติธรรม ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่ยอมรับตามข้อตกลงดังกล่าว ส่วนในประเด็นเรื่องการขอรับเงินประกันตามสัญญาคืน เป็นข้อตกลงตามสัญญาทางแพ่งระหว่างร้านค้าและบริษัทฯ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย รวมทั้งแจ้งหลักเกณฑ์การยื่นคำขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนยุติธรรม กรณีที่ประสงค์ใช้สิทธิทางศาลให้ผู้ร้องทราบด้วยแล้ว
ส่วนกรณีเรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับการขอยกเลิกสัญญา และกรณีที่มีการขายพื้นที่ทับซ้อน กระทรวงยุติธรรม ได้เป็นตัวกลางในการเจรจาและได้ผลดีมีร้านค้าบางส่วนยกเลิกสัญญาและได้รับเงินคืนเรียบร้อยแล้ว ส่วนร้านค้าที่ไม่สามารถตกลงกันได้ กระทรวงยุติธรรม ก็ได้ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย พร้อมแจ้งหลักเกณฑ์การยื่นคำขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนยุติธรรม กรณีที่ประสงค์ใช้สิทธิทางศาลด้วยแล้วเช่นกัน
“นายวัลลภฯ กล่าวยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรม ได้ให้ความสำคัญและไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามเป็นตัวกลางเจรจาและให้คำปรึกษาข้อกฎหมายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มร้านค้าที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำสัญญากับบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่องและทุกแนวทางที่เป็นไปได้ ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมายและสัญญาที่ได้ทำกับบริษัทฯ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายต่อไป”