วันที่ 4 ก.ย. 65 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมกับ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และคณะ ร่วมเปิดงาน “ก้าวสู่เทคโนโลยีดิจิทัลกับการใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” โดยกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อส่งเสริมให้ความรู้ประชาชนกลุ่มอาชีพต่างๆ ใช้ประโยชน์จากข้อมูลสภาพอากาศของอุตุนิยมวิทยา ในการคาดการณ์วางแผนการประกอบอาชีพ เช่น กลุ่มอาชีพประมงไว้ตรวจสอบมรสุมก่อนออกเดินเรือ กลุ่มเกษตรกรตรวจสอบน้ำฝนก่อนการหว่านเมล็ดหรือเก็บเกี่ยวผลผลิต
จากนั้น นายชัยวุฒิ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยทักษิณ กับ กรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและการเรียนการสอน สร้างความร่วมมือในการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และครอบคลุมด้านอุตุนิยมวิทยา เพื่อขยายฐานความรู้ และงานวิจัยด้านอุตุนิยมวิทยาสู่ชุมชนในอนาคต
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาตั้งศูนย์ตรวจวัดอากาศ ตรวจวัดปริมาณน้ำฝนด้วยเรดาร์ ซึ่งจะดูแลพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส และที่สำคัญคือ การตรวจวัดอากาศที่แม่นยำ ทำให้ประชาชนได้มีข้อมูลเรื่องสภาพอากาศ เพื่อวางแผนในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่ง ที่ประชาชนประกอบอาชีพประมง ได้มีข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาทำให้สามารถประเมินความปลอดภัยก่อนออกไปประกอบอาชีพประมงได้ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของกรมอุตุนิยมวิทยาในการตรวจวัดสภาพอากาศให้แม่นยำและส่งข้อมูลถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่ออยากให้คนไทยนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เมื่อเรามีการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ จะสามารถสร้างเครือข่าย กับกลุ่มอาชีพต่างๆได้ เช่น กลุ่มชาวประมง กลุ่มชาวสวนยาง กลุ่มชาวนา หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไปด้วย
โดยยอมรับว่า จังหวัดสงขลา เป็นจังหวัดที่มีเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้มแข็ง ทั้งเครือข่ายวิทยุอาสา วิทยุชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและมีชมรมต่างๆที่เข้ามาช่วยกัน รวมถึงส่วนราชการในพื้นที่ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ที่พร้อมทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกรมอุตุนิยมวิทยาในการคาดการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ในพื้นที่
ด้าน นางพูนทรัพย์ ชูแก้ว ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ผู้ประกอบอาชีพทำนา เผยว่า โครงการนี้ทำให้ชาวนาและผู้ประกอบอาชีพเกษตร ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากธรรมชาติได้ เนื่องจากเราสามารถเข้าถึงการพยากรณ์อากาศ พยากรณ์อากาศเป็นด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอคำเตือนจากกรมอุตุฯ และเมื่อมีข้อสงสัยก็สามารถประสานกับกรมอุตุฯ ได้ตลอดเวลา เช่น หากมีพายุ ชุมชนก็สามารถรับทราบเองได้พร้อมจ้งเตือนในเครือข่ายได้ทันที
พูนทรัพย์ ยกตัวอย่างที่ตนเคยประสานกับกรมอุตุฯ พยากรณ์อาการเพื่อกลุ่มอาชีพทำนา สามารถลดความสูญเสียในต้นทุน เช่น เคยหวานข้าวแล้วต้องรอน้ำฝนแต่ในปัจจุบันเราใช้วิธีดูพยากรณ์อากาศก่อน ได้ว่าฝนจะตกวันไหน ช่วยลดการสูญเสียต้นทุนโดยไม่จำเป็นจากการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ