วันที่ 3 กันยายน 2565 นางสุภาภรณ์ จุลละสุภา คลังจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นาย ณรงค์ฤทธิ์ นุปิง ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดลำปาง ผู้แทนหน่วยงานกระทรวงพม. One Hone ลำปาง ร่วมลงพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ได้แก่ตำบลปงแสนทอง, ตำบลชมพู่,ตำบลกล้วยแพะ,ตำบลพระบาท , จำนวน 4 ตำบล
ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานคลังจังหวัดร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หน่วยงานภาคีเครือข่าย อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลายหน่วยงานดำเนินขับเคลื่อนงานโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565โดยได้มุ่งเน้นกลุ่มคนด้อยโอกาสคนเปราะบาง-บุคคลพิการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของรัฐ หรือ บัตรคนจน ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน – 19 ตุลาคม 2565 เวลาคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565โดยมีคุณสมบัติ
1.มีสัญชาติไทย
2.มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
3.ไม่เป็นบุคคล ดังต่อไปนี้ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขังบุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
4.รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว รายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
5.ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ของผู้ลงทะเบียนต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
6. อสังหาริมทรัพย์ ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
1.ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว: บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา และ/หรือ ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร กรณีเป็นที่อยู่อาศัย และใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
2. ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
1. ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน) อยู่อาศัยอย่างเดียว กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตรกรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตรเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
2. ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย: ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
7.ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
8.ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ได้แก่ วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ/หรือ วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาทช่องทางลงทะเบียน
1.ลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th
2.ลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่จังหวัดลำปาง ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอหรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ทุกอำเภอ
/ธนาคารออมสิน สาขาธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)โดยช่วงเวลาในการเปิดรับลงทะเบียน หากตรงกับวันเสาร์ – วันอาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานรับลงทะเบียนแต่ละแห่งประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ
กระทรวงการคลัง จะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน 2565 ภายในเดือนมกราคม 2566 ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ http://welfare.mof.go.th
ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติจะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ที่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทยฯ โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติสามารถดำเนินการยื่นเรื่องอุทธรณ์ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือช่องทางที่กระทรวงการคลังกำหนดได้ตั้งแต่วันที่ 9 – 31 มกราคม 2566 การใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ
ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านคุณสมบัติ และยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ โดยเป็นการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนั้น ผู้ที่บัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุหรือมีบัตรประจำตัวประชาชนที่ไม่ใช่แบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ให้เปลี่ยนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card)
ทั้งนี้ ในส่วนของวันที่จะเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไปผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในปัจจุบัน จะยังคงใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการเริ่มใช้สิทธิใหม่ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 สำหรับพื้นที่จังหวัดลำปางสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ สนง.คลังจังหวัดลำปาง ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ เครือข่ายอพม.ทุกอำเภอทุกตำบล ,ศูนย์ช่วยเหลือสังคมทุกตำบลในพื้นที่จังหวัดลำปางในวันนี้มีการประชุมชี้แจงโครงการดังกล่าวฯในครั้งนี้
โดยมี นาง ฉันทพัฒน์ โนปิง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นครภาคีเครือข่ายคณะกรรมการ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(อพม) ภาคีเครือ คณะกรรมการศูนย์ช่วยเหลือสังคมพื้นที่ จำนวน 4 ตำบลร่วมให้ความร่วมมือในโครงการดังกล่าว