ผู้ว่าฯอยุธยา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสั่งการทุกหน่วยเตรียมรับมือมวลน้ำที่เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ

ผู้ว่าฯอยุธยา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสั่งการทุกหน่วยเตรียมรับมือมวลน้ำที่เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ เน้นย้ำ ต้องแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสักและให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด หากจะเร่งระบายน้ำเพิ่ม

ช่วงบ่ายวันที่ 26 สิงหาคม นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.อ.ภัทราวุธ ทิพโกมุท รอง ผอ.รมน.จ. นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนพระรามหก และการเตรียมความพร้อมรับมือมวลน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

โดยมี นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ นายเดชาธร เชาว์เลขา นายอำเภอท่าเรือ นายชโลม โปลิตานนท์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าเรือ ให้การต้อนรับและสรุปสถานการณ์

ตามที่ กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็น 1 ใน 5 จังหวัด ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น จากปริมาณฝน ในช่วงวันที่ 24 – 30 สิงหาคม 2565 คาดว่าจะมีปริมาณน้ำท่าไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รวมจำนวน 133.26 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาตรน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะมีจำนวน 355 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการรองรับน้ำเหนือ จึงมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป

เมื่อปริมาณน้ำไหลลงไปรวมกับน้ำที่มาจากคลองชัยนาท – ป่าสักแล้ว จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 600 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.00 – 1.50 เมตร

ด้าน นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานแจ้งเตือนประชาชนอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก โดยเร็วที่สุดเพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ได้ประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอสนับสนุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดสำคัญต่างๆ ทั้ง 16 อำเภอ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน รวมถึงเตรียมกระสอบทรายไว้คอยช่วยเหลือประชาชนและหน่วยงานต่างๆ โดยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นอกจากนี้ ยังเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้คอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหากเกิดเหตุฉุกเฉินอีกจำนวน 15 เครื่อง พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อมีการร้องขอ

ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่บริเวณด้านหน้าเทศบาลตำบลท่าเรือ ซึ่งเป็นชุมชนจุดพื้นที่เสี่ยง พร้อมสั่งการให้นายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานกับ ผอ.สำนักชลประทานที่ 10 เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการระบายน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด

ข่าว : #สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา