ศิริราชจับมือกรมควบคุมโรคและภาคเอกชนเปิดตัว LINE OA & Website: Stand By You “เพื่อนที่เข้าใจ พร้อมเคียงข้างคุณ” บริการวัยรุ่นตรวจหาเชื้อเอชไอวี ฟรี รู้เร็ว ช่วยทันเวลา
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2565 เวลา 12.30-15.30 น. ศ. ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล พญ.มณฑินี วสันติอุปโภคากร รองผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข Dr.Sanny Northbrook ผู้อำนวยการ Division of Global HIV & TB (DGHT) Thailand & Laos ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข นางสาวปุณยภรณ์ สิริพาณิชพงศ์ ผู้แทนบริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด และบริษัท มี จีเนียส จำกัด ดร.พัชรา เบญจรัตนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย ศ. พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการและที่ปรึกษาโครงการ AMSM อ. พญ.กัณฑริดา ศรีพานิชกุลชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล หัวหน้าโครงการ AMSM
แถลงข่าวเปิดตัว LINE Official Account (LINE OA) & Website ในชื่อ Stand By You “เพื่อนที่เข้าใจ พร้อมเคียงข้างคุณ” แผนกิจกรรมการใช้กลยุทธ์เครือข่ายทางสังคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการวัยรุ่นที่ต้องการตรวจเอชไอวี ช่องทางใหม่เพิ่มการเข้าถึงการให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีศิลปินอิสระ อินทัช สายกลางดี (ปูน) และนักแสดงจากค่าย be on cloud ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา (ต๋อง) และพงศกร พรสันติกุล (พง) ตลอดจนผู้ให้การสนับสนุนร่วมงาน ณ ห้องประชุมนวมินทร์ ชั้น 26 อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช
LINE Official Account (LINE OA) & Website ในชื่อ Stand By You “เพื่อนที่เข้าใจ พร้อมเคียงข้างคุณ” เป็นส่วนหนึ่งในแผนกิจกรรมการใช้กลยุทธ์เครือข่ายทางสังคม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการวัยรุ่นที่ต้องการตรวจเอชไอวี เป็นช่องทางใหม่ที่จะเพิ่มการเข้าถึงการให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาระบบให้บริการคลินิกวัยรุ่นบนออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และระบบให้คำปรึกษาออนไลน์ รวมทั้งบริการส่งชุดตรวจหาเชื้อเอชไอวีตรวจด้วยตนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริการให้การปรึกษาแนะนำอย่างเป็นส่วนตัวผ่านระบบออนไลน์ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ในการเข้าถึงบริการ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปโรงพยาบาล
บริการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี ทั้งชนิดยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ในช่วงก่อนการสัมผัสเชื้อ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ยาชนิดใช้รับประทานเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี ภายหลังจากไปสัมผัสเชื้อ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) รวมถึงยาต้านไวรัส เอชไอวี สำหรับใช้รักษาหลังทราบผลการตรวจเลือดของโครงการเข้าถึงวัยรุ่นเพื่อส่งเสริมการตรวจเลือดหาเอชไอวีด้วยตนเองและการให้คำปรึกษาออนไลน์ (AMSM) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ความร่วมมือไทย -สหรัฐ ด้านสาธารณสุขให้บริการแก่วัยรุ่นที่มี อายุ 12-25 ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ต้องการรู้ว่าตัวเองมีเชื้อเอชไอวีหรือไม่ โดยสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ LINE OA “stand by you” หรือ เว็บไซต์ standbyyou.info
ศ. ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีความภาคภูมิใจ ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานกับทีมงานจากศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข และกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อทำโครงการดี ๆ Stand By You (SBY) “เพื่อนที่เข้าใจ พร้อมเคียงข้างคุณ”
ทั้งนี้ คณะฯ มีแพทย์ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แค่ตั้งรับในการให้บริการ แต่ให้บริการเชิงรุก เพื่อช่วยป้องกันก่อนเกิดปัญหาสุขภาพ โครงการ Stand By You “เพื่อนที่เข้าใจ พร้อมเคียงข้างคุณ” จึงเป็นมิติใหม่ของการแพทย์ไทย เพื่อป้องกันและควบคุมความเสี่ยงของการติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นปัญหาสุขภาพของวัยรุ่นที่สำคัญในปัจจุบัน เนื่องจากอัตราการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในประเทศไทยยังไม่ลดลง ในปี 2564 เราพบผู้ติดเชื้อกว่า 6,400 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งประเทศไทยมีเป้าหมายการยุติเอดส์ ภายในปี 2573 ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุขไทย
ซึ่งในวันนี้คณะฯ ต้องขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์และผลักดันโครงการ Stand By You จากหลายภาคส่วน อาทิ บุคคลที่มีชื่อเสียง ผู้ทรงอิทธิพล หรือ Influencer ทั้งหลาย หน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ ยูนิเซฟ ให้ช่วยเป็นกระบอกเสียง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen-Y ที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อเอชไอวี หรือไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครเมื่อมีปัญหา ได้รู้จักโครงการ Stand By You ที่ช่วยสนับสนุนและคอยอยู่เคียงข้างเขาเหล่านั้นในการให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยให้น้อง ๆ วัยรุ่นห่างไกลจากโรคที่ป้องกันได้อย่างเอชไอวี หรือแนะนำการขอรับบริการต่าง ๆ ผ่าน LINE OA ช่วยให้สะดวกรวดเร็ว เข้าถึงง่าย และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อีกด้วย
ศ. พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก ผู้ริเริ่มโครงการและที่ปรึกษาโครงการ AMSM กล่าวว่า โครงการ Stand By You (SBY) นี้ เป็นโครงการดี ๆ โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งมีความพยายามหาวิธีให้วัยรุ่นไทยได้เข้าถึงการตรวจและรักษาเอชไอวี ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันและหาทางให้น้อง ๆ ปลอดภัย โครงการ SBY เป็นการให้บริการเชิงรุก ที่จะพัฒนาแนวทางบริการให้เหมาะสมกับ ไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น ซึ่งน้อง ๆ อาจจะมีความเสี่ยงแต่ไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใคร จะป้องกันตัวเองและเพื่อนได้อย่างไร
ในปัจจุบันนี้วงการแพทย์ มีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจได้ด้วยตนเอง เหมือนอย่างที่เราตรวจ ATK ว่าเป็นโควิด-19 หรือไม่ และยังมีการใช้ยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อหากมีความเสี่ยง รวมทั้งยาป้องกันเชื้อเอชไอวีแบบฉุกเฉินเมื่อเกิดความเสี่ยงขึ้นแล้ว ทั้งหมดนี้ น้อง ๆ จะได้ใช้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งโครงการนี้ จะใช้วิวัฒนาการใหม่ของแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเราเล็งเห็นว่า น้อง ๆ วัยรุ่นมีความเชี่ยวชาญในการใช้อยู่แล้ว เข้าได้กับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ของเขา
โครงการนี้ เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจาก โครงการที่เราทำการดูแลรักษาและป้องกันน้องวัยรุ่นไทยให้ปลอดภัยจากโรคเอชไอวี เอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มานานแล้วมาเกินกว่า 20 ปี ที่ผ่านมาเราสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกจนความสำเร็จขั้นสูง จนถึงปัจจุบันแทบจะไม่มีเด็ก ๆ ที่ติดเอชไอวีจากแม่ตั้งแต่เกิดเลย แต่ในน้อง ๆ วัยรุ่น เรายังพบว่าเขายังไม่ได้รับการป้องกันที่พอ ความเข้าใจหรือเข้าถึงบริการยังจำกัด ทำให้ยังมีน้อง ๆ วัยรุ่นเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชไอวีอยู่ เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงเป็นความพยายามของเรา ที่จะช่วยป้องกันพวกเขา ให้ปลอดภัยจากเอชไอวี เอดส์ ไปตลอดชีวิต
และโดยเฉพาะอายุในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เราจึงรวบรวมผู้เชี่ยวชาญ ในทุกด้านมาช่วยกันบูรณาการ ทำโครงการที่ดีงามเช่นนี้ โดยหวังผลให้เด็กวัยรุ่นของไทย ปลอดภัย และเกิดการตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาของเอชไอวี เอดส์ต่อไป โดยการให้คำปรึกษา แนะนำให้เด็กเข้าถึงบริการ การใช้ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง รวมทั้งสามารถให้ยาป้องกันทั้งแบบฉุกเฉินและแบบป้องกันเอชไอวี ในกรณีที่หากจะต้องมีการเสี่ยงต่อไปในอนาคต
อ .พญ.กัณฑริดา ศรีพานิชกุลชัย อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล หัวหน้าผู้รับผิดชอบหลักของโครงการ AMSM กล่าวว่า โครงการนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเด็กวัยรุ่น รวมถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ที่อาจขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอชไอวี และเอดส์ หรือ มีอุปสรรคในการเข้าถึงบริการตามสถานพยาบาล เนื่องจากอาจมีภาระต้องเรียนหนังสือ หรือทำงานในเวลาราชการ โดยใช้ช่องทางออนไลน์เป็นสื่อกลาง มีผู้ให้คำปรึกษาจนถึงเที่ยงคืน และ มีการให้ความรู้ ให้คำแนะนำการป้องกันก่อนติดเชื้อ เช่น บริการเพร็พ เป็ป
ตลอดจนตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อไวรัสเอไชอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) หรือเชื่อมสู่สถานพยาบาลเพื่อรับการตรวจและรักษาโดยเร็วอย่างเหมาะสม เรามุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะให้ทุกคนเข้าสู่บริการการป้องกันโรคอย่างทันการณ์เพื่อให้ประชากรไทยรุ่นใหม่ ผู้จะเป็นกำลังหลักของประเทศชาติไทย ผู้ที่จะเติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพโดยปกป้องให้เขามีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี สมบูรณ์แข็งแรง ต่อไปในอนาคต
พญ.มณฑินี วสันติอุปโภคากร รองผู้อำนวยการกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า ในปัจจุบันพบว่า ปี 2564 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ประมาณ 520,000 คน และคาดว่าประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 6,500 คนต่อประชากรทั้งหมด (ที่มา: Spectrum-AEM ปรับปรุง 22 เมษายน 2565) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปี จากเป้าหมายในการยุติปัญหาเอดส์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี ภายในปี 2573
จึงสนับสนุนให้ประเทศไทย โดยกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดทำโครงการเสริมสร้างกลยุทธ์การเข้าถึงเครือข่ายออนไลน์เพื่อส่งเสริมการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี และการดูแลรักษาในวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงสูง และวัยรุ่นชายมีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสองขึ้น เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการตรวจหาเอชไอวี โดยใช้สื่อสังคมสังคมออนไลน์ เพื่อพัฒนาระบบให้บริการคลินิกวัยรุ่นบนระบบออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และระบบให้คำปรึกษาออนไลน์ เนื่องจากในปัจจุบันการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นนั้น
นอกจากการลงพื้นที่ การประชาสัมพันธ์เชิงรุกแล้ว อีกหนึ่งช่องทางที่จะสามารถให้วัยรุ่นได้รับรู้ ตระหนักมากขึ้น คือเทคโนโลยีสื่อสังคมออนไลน์ที่เริ่มเข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทางโครงการจึงได้มุ่งหวังว่ากลยุทธ์การเข้าถึงผ่านสื่อสังคมออนไลน์นี้ จะสามารถเสริมสร้างความตระหนัก ความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเข้าถึงบริการการป้องกันการ ติดเชื้อเอชไอวีต่าง ๆ รวมถึงการเข้าถึงชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง เพื่อป้องกันให้ลูกหลานของเราปลอดภัยจากจากการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดจนผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น
Dr. Sanny Northbrook ผู้อำนวยการ Division of Global HIV & TB (DGHT) Thailand & Laos ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐด้านสาธารณสุข กล่าวว่า Young people have limited access to human immunodeficiency virus (HIV) services including HIV testing, pre-exposure prophylaxis (PrEP) and other sexually transmitted infections (STI) information and treatment. Part of this may be due to the lack of available services, stigma and discrimination, particularly among young key populations who are at high risk of HIV infection. The adolescent men who have sex with men (AMSM) project will address known barriers by involving young people in program design and services, use of peer recruitment through social networks, develop innovative online reach through Autobot and online counseling via social media platforms, and offer HIV self-testing to address confidentiality and privacy concerns of young people. An innovative and friendly program such as AMSM is much needed to help Thailand stay ahead of the game and prevent new HIV infections in this population. CDC would like to thank Siriraj hospital and the Ministry of Public Health for leading and addressing gaps in young key population services and for the opportunity to take part in this collaboration.
นางสาวปุณยภรณ์ สิริพาณิชพงศ์ ผู้แทนบริษัท กีคคอน วัลเล่ย์ จำกัด และบริษัท มี จีเนียส จำกัดผู้ชำนาญการพิเศษด้านดิจิทัล เว็บไซต์และ Search Engine กล่าวว่า โลกในยุค 2022 หลังจากการระบาดของ Covid-19 ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย การเข้าถึงกลุ่มคนที่มีความต้องการในปัจจุบันนี้สามารถทำได้หลายช่องทาง คนยุคใหม่มีความรู้ความชำนาญและนิยมที่จะใช้เครื่องมือเพื่อสื่อสารด้วยความรวดเร็ว ตรงประเด็น และแม่นยำ โครงการนี้จึงได้นำเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยหลักคิดที่ง่ายที่สุดคือ เมื่อสงสัย ก็ใช้ Chat เพื่อสอบถาม
ในขณะเดียวกันยังมีส่วนของเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์คนที่ค้นหาข้อมูล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ในการศึกษาหาความรู้ก่อน รวมทั้งใน ช่องทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ ถึงรายละเอียดของโครงการแก่กลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ให้สามารถเข้ามารับการปรึกษา รับบริการคัดกรองสุขภาพด้วยตนเอง โดยใช้บริการชุดตรวจคัดกรองเอชไอวี ที่ส่งต่อให้นำไปใช้ตรวจได้ด้วยตนเอง ผ่านช่องทางออนไลน์และเป็นสื่อกลางในการใช้ติดต่อขอเข้ารับบริการในสถานพยาบาล
จึงเห็นว่าด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เพราะเข้าถึงได้ง่าย รวดเร็ว จึงสามารถเข้าถึงใจของวัยรุ่น เราจึงนำแพลตฟอร์มที่วัยรุ่นใช้มาก ไม่ว่าจะเป็น Line, Facebook, Instagram, Twitter มาช่วยสนับสนุนให้เกิดโครงการดี ๆ Stand By You
ดร พัชรา เบญจรัตนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า เกือบ 40 ปีทีโลกต่อสู้กับเอชไอวี แสดงให้เห็นว่าถ้าเราละเลยการทำงานที่ใช้ “คนเป็นศูนย์กลาง” ไม่สามารถนำพาไปสู่เป้าหมายของการยุติปัญหาเอดส์ได้สำเร็จ หลักการสำคัญนี้ทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อใช้กับบริบทของประเทศไทยที่พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อรายใหม่คือ เยาวชนอายุ 15-24 ปี และ 14% คือ วัยรุ่นอายุ 10-19 ปี หรือจะกล่าวได้ว่า “ทุกวันมีเยาวชนไทย 9 คน เป็นวัยรุ่น 3 คน ติดเชื้อเอชไอวี”
โครงการ AMSM เป็นการดำเนินงานที่แปลงแนวคิดสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม – Bring Young People at the Center – โดยเฉพาะเยาวชนที่มีความเสี่ยงสูง – Keep Young Key Population in Focus – ด้วยน้อง ๆ เหล่านี้มีปัจจัยและความท้าทายที่เป็นอุปสรรคที่ทำให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง มากกว่าผู้ใหญ่หรือมากกว่าเพื่อน ๆ เยาวชนทั่วไป ดังนั้นการเสริมพลังผ่านเครือข่ายเยาวชน การใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ข้อมูลที่เข้าถึงง่าย รวดเร็ว รอบด้านและถูกต้องและเป็นการสื่อสารเชิงรุกเป็นที่ยอมรับว่ามีส่วนช่วยอย่างมากที่จะให้เยาวชนเข้าถึงการบริการ การป้องกันและรักษาที่
จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชุดตรวจหาเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) การใช้ยาป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP) การใช้ยาป้องกันหลังสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PEP) รวมถึงการใช้ถุงยางเพื่อการป้องกัน และยาต้านไวรัสเอชไอวีเพื่อการรักษา นั่นคือเน้นทั้งการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนคนทั่วไปถึงแม้จะติดเชื้อแล้ว การบริการที่รอบด้าน เป็นมิตรและตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของเยาวชนและวัยรุ่นนี้