จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำเขื่อนเจ้าพระยา-ป่าสัก เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเกษตรกร ใน 4 อำเภอ

นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา แจ้งสถานการณ์น้ำ วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 06.00 น. มีจุดเฝ้าระวังน้ำ 2 จุด ได้แก่ จุดแรกปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ไหลผ่าน สถานี C13 จังหวัดชัยนาท ระบายน้ำที่ 1,400 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 100 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำที่ สถานี C35 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำ 3.43 ม. เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 15 ซ.ม ในส่วนจุดที่ 2 ปริมาณน้ำเขื่อนพระรามหกไหลผ่าน สถานี S26 ระบายน้ำที่ 358 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวาน 21 ลบ.ม./วินาที

โดย ปภ.พระนครศรีอยุธยา รายงานว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้าน ยังไม่กระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชน เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตของบ้านริมแม่น้ำ ใต้ถุนสูง มีเรือทุกบ้าน และมีไม้กระดานวางเพื่อเดินเข้าบ้าน ทั้งนี้ มีผู้ได้รับผลกระทบ และพื้นที่การเกษตร จำนวน 4 อำเภอ 33 ตำบล 143 หมู่บ้าน 3 ชุมชน 4,265 ครัวเรือน ได้แก่ อำเภอเสนา รวม 6 ตำบล 39 หมู่บ้าน 3 ชุมชน 1,878 ครัวเรือน อำเภอผักไห่ รวม 6 ตำบล 29 หมู่บ้าน 931 ครัวเรือน อำเภอบางบาล รวม 9 ตำบล 33 หมู่บ้าน 506 ครัวเรือน และอำเภอบางไทร รวม 12 ตำบล 42 หมู่บ้าน 950 ครัวเรือน

สำหรับการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือประชาชน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้ดำเนินการตรวจสอบ และเฝ้าระวัง พื้นที่สำคัญเขตพระราชฐาน โบราณสถาน และวัดที่สำคัญ พื้นที่เขตเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ และพื้นที่ชุมชนหนาแน่น เขตเทศบาลนคร เทศบาลเมือง ซึ่งศูนย์ป้องและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว อัตราการสูบ 28,000 ลิตร/นาที ได้แก่ จุดที่ 1 ในพื้นที่ หมู่ที่ 8 โรงนา ต.น้ำเต้า และหมู่ที่ 5 ต.บ้านคลัง อ.บางบาล และจุดที่ 2 ในพื้นที่ ต.กบเจา ต.บ้านคลัง ต.น้ำเต้า และ ต.ทางช้าง เพื่อใช้ช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังจะเก็บเกี่ยวข้าว กว่า 2,000 ไร่

อีกทั้ง ได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม เจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา แจ้งเตือนชาวเรือจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในส่วนลำน้ำเจ้าพระยา 2 จุด คือ ช่วงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก หน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร จุดนี้กระแสน้ำจะไหลแรงมาก และเคยเกิดอุบัติเหตุในช่วงน้ำหลากเกือบทุกปี และมีคำสั่งควบคุมการเดินเรือ โดยให้เรือลากจูงลำเลียงสินค้าแล่นตามลำน้ำและทำการลากจูงเรือลำเลียงสินค้าได้ไม่เกินพ่วงละ 3 ลำ ห้ามบรรทุกสินค้าเกินกว่ากำหนดที่เจ้าท่าอนุญาตไว้ โดยให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และให้ผู้ควบคุมเรือสวมใส่ชูชีพทุกครั้งขณะปฏิบัติงาน

ที่มา : ปภ.พระนครศรีอยุธยา/เจ้าท่าภูมิภาคอยุธยา

ข่าว : #ปชส.พระนครศรีอยุธยา