กรมชลประทาน เร่งขุดคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร เพื่อลดผลกระทบชาวพระนครศรีอยุธยา

บ่ายวันที่ 8 ส.ค.65 นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ เลียววงศ์วาน ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 10 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมสรุปผลการดำเนินงาน โดยรองอธิบดีได้ให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติงาน และเร่งรัดงานก่อสร้างงานขุดคลองระบายน้ำหลากพร้อมอาคารประกอบ โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สำหรับโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร เป็นโครงการที่จะช่วยเพิ่มการระบายน้ำให้กับแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเมืองพระนครศรีอยุธยามีลักษณะเป็นคอขวด ทำให้สามารถระบายน้ำได้ประมาณ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลบ.ม./วินาที) และคลองบางหลวงและคลองบางบาลสามารถระบายน้ำไปออกทางแม่น้ำน้อย ได้รวมประมาณ 530 ลบ.ม/วินาที รวมปริมาณน้ำที่สามารถระบายได้ 1,730 ลบ.ม/วินาที (ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านในพื้นที่ดังกล่าวเฉลี่ยประมาณ 2,800 ลบ.ม./วินาที) จึงมักจะเกิดผลกระทบต่อชุมชนริมตลิ่งและพื้นที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาเป็นประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการระบายน้ำในช่วงดังกล่าว โดยการขุดคลองลัดเพิ่มความสามารถให้การระบายน้ำให้กับแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นจากอำเภอพระนครศรีอยุธยา ผ่านอำเภอบางบาล ถึงอำเภอบางไทร เพื่อลดผลกระทบน้ำหลากที่เกาะเมืองอยุธยา และการท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ

โดยโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จะประกอบด้วย การขุดคลองระบายน้ำสายใหม่จากบริเวณ อำเภอบางบาล – อำเภอบางไทร มีความยาวประมาณ 22.50 กิโลเมตร การก่อสร้างถนนบนคันคลองทั้ง 2 ฝั่ง การก่อสร้างอาคารบังคับน้ำประเภทประตูระบายน้ำ 2 แห่ง สะพานรถยนต์ข้ามคลองระบายน้ำหลาก 11 แห่ง อาคารประกอบคลองระบายน้ำ 37 แห่ง กำแพงป้องกันตลิ่งบริเวณปลายคลองจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา และปรับปรุงคันกั้นน้ำ

ซึ่งกรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2562 คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2569 เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถการระบายน้ำจากเดิม 1,730 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,930 ลบ.ม./วินาที สามารถบรรเทาอุทกภัยตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างเฉลี่ย 1.9 – 2.5 ล้านไร่/ปี เพิ่มศักยภาพในการใช้ประโยชน์พื้นที่ด้านเกษตรกรรมกว่า 229,138 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่ออุปโภค-บริโภค 25 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้เร่งรัดการดำเนินงานแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนด เพื่อให้โครงการขุดคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สร้างประโยชน์ให้ประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ข้างเคียงอย่างยั่งยืนต่อไป