กศน.ขานรับนโยบายเตรียมพร้อมดัน สระแก้วโมเดล by กศน. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

นายคมกฤช  จันทร์ขจร  รองเลขาธิการ กศน. พร้อมด้วยนางเอื้อมพร  สุเมธาวัฒนะ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา  ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ สระแก้วโมเดล by กศน. เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาและอาชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว   ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวตรีนุช  เทียนทอง) ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะด้านอาชีพและเพิ่มขีดความสามารถทางในการแข่งขัน เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านอาชีพทั้งผู้เรียนและประชาชนทั่วไป โดยเชื่อมโยงกับสถานประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชน และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ความสำคัญที่ให้ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง

ในแนวคิด “ตลาดนำการผลิต ”  ของสำนักงาน กศน. ที่มุ่งส่งเสริมให้ยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนด้าน พืชสมุนไพรและเกษตรปลอดภัย รวมทั้งเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดตัวโครงการดังกล่าวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้   และรับฟังข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องจากเกษตรกรโดยตรง โดยมีนายพิสิทธิ์ คุ้มสุวรรณ  รองผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนสระแก้ว  นางกฤษณา  โสภี ครูชำนาญการพิเศษ  ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและร่วมลงพื้นที่

  นายคมกฤช  กล่าวตอนหนึ่งว่า ” แนวคิดของผอ.เอื้อมพรในการใช้การตลาดนำการผลิต  ถือว่าเรามาถูกทาง โดยเฉพาะขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยมาจากความสภาพและต้องการของประชาชน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง  ดังนั้นการปักหมุดพัฒนาพืชสมุนไพรเศรษฐกิจที่เป็นที่ต้องการของตลาด ภายใต้ความต้องการของประชาชนที่สำนักงาน กศน.เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการเครื่อข่ายที่เข้มแข็งทางการเกษตรให้ก้าวไปสู่มาตรฐานเกษตรปลอดภัย รวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีอยู่ตามวิถีชีวิตได้ตรงตามศักยภาพของตัวเขาเองและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากที่สุด นับว่าเป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมเพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน และสร้างความมั่นคงแก่เกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง จะเป็นภาพฉายสำคัญที่จะสะท้อนถึงความยั่งยืนได้ต่อไป  ”

โดยได้ลงพื้นที่และตรวจเยี่ยมแปลงปลูกสมุนไพร ของ นายรุ่งเพชร พิมอ่อน กำนันตำบลทัพพริก ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านคลองหว้าใหม่ ซึ่งกำนันได้เปิดเผยว่า ” ก่อนหน้านั้นศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนสระแก้ว ได้เข้ามาอบรม ส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร และการตรวจแปลงเกษตรอินทรีย์โดยการมีส่วนร่วมให้กับเกษตรกรในพื้นที่ตำบลทัพพริก อย่างเป็นระบบ ทำให้แปลงเกษตรของเราได้รับการรับรองเป็นแปลงเกษตรอินทรีย์ทุกแปลง

ซึ่งปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรบ้านคลองหว้าใหม่ ภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนจาก อ.กฤษณา โสภี      ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพ ราษฎรไทยบริเวณชายแดนสระแก้ว  (ศฝช.สระแก้ว) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.สระแก้ว)  ที่ร่วมอบรม สนับสนุนองค์ความรู้และแนะนำตลาดรับซื้อผลผลิต รวมทั้งส่งเสริมให้พวกเรา จนรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยมีสมาชิก จำนวน 48 คน ในการปลูกฟ้าทลายโจร จำนวน 45 ไร่ สามารถผลิตฟ้าทลายโจรแห้งส่งขายได้ถึงปีละ 20 ตัน และต่อมาปี 2564 ได้แนะนำบริษัทซึ่งมีความต้องการฟ้าทะลายโจรแห้งรวมจำนวนทั้งสิ้น 50 ตัน  จึงทำให้เรามีความจำเป็นต้องขยายสมาชิกเพิ่มเพื่อให้ได้ผลผลิตตามความต้องการ

โดยได้นำกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการปลูกฟ้าทะลายโจร เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 30 คน รวมพื้นที่จำนวนกว่า 100 ไร่  ซึ่งในช่วงที่ฟ้าทะลายโจรเป็นที่ต้องการของตลาด  เราสามารถส่งฟ้าทะลายโจรอบแห้งขายได้ในราคากิโลกรัมละ 800 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาสูงที่สุด เท่าที่เคยมีมา และเมื่อผอ.เอื้อมพร และอ.กฤษณา จากสำนักงาน กศน. ได้ริเริ่มโครงการที่สามารถตอบโจทย์ด้านการตลาดที่นำไปสู่ความยั่งยืนสำหรับประชาชนให้มีความกินดีอยู่ดีขึ้น โดยใช้ตลาดนำการผลิตเช่นนี้  ผมว่าตรงใจของประชาชนมาก  ขอขอบคุณสำนักงาน กศน.และอบจ.สระแก้ว เป็นอย่างยิ่งที่ให้ความสำคัญและปูแนวทางอาชีพทางการเกษตร  โดยเฉพาะสมุนไพรอินทรีย์และพืชสมุนไพรเศรษฐกิจที่มีอยู่ในพื้นที่ให้สามารถมีตลาดรองรับและมีการประกันราคาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรอย่างพวกเรา

ต่อจากนั้นเดินทางไปยังอำเภอตาพระยา เพื่อติดตามการปลูกมะระขี้นก ของครอบครัวนายพิบูรณ์  คำพิบูลย์ หรือพี่ตา บ้านโคกกราด ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา  ที่แบ่งพื้นที่จากการทำนาส่วนหนึ่ง จำนวน 100 ตารางวา เพื่อปลูกมะระขี้นก   ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการปลูกพืชสมุนไพรเศรษฐกิจตามความต้องการของตลาดที่มีในโครงการนี้ ที่สำนักงาน กศน.ได้จัดหาตลาดรองรับไว้แล้วเช่นกัน ซึ่งการเดินทางลงพื้นที่ของรองเลขาธิการ กศน.และคณะในครั้งนี้  มีเป้าหมายในการติดตาม เตรียมความพร้อมเพื่อวางแผน กำหนดทิศทางและแนวทางการผลิตและการแปรรูปให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน รวมทั้งแนวทางในการสนับสนุน ส่งเสริมเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพของพืชผลทางการเกษตรตามกลไกของตลาดที่เป็นรูปธรรมต่อไป