การรถไฟฯ นำร่องเปิดให้บริการขนส่งพัสดุรายย่อย ประเภทหีบห่อวัตถุ เส้นทางสายใต้ 18 ก.ค.นี้ คิดค่าบริการพิเศษ ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน

การรถไฟฯ นำร่องเปิดให้บริการขนส่งพัสดุรายย่อย ประเภทหีบห่อวัตถุ เส้นทางสายใต้ 18 ก.ค.นี้ คิดค่าบริการพิเศษ ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน และผู้ประกอบการ ประหยัดค่าขนส่งกว่า 50-70%
พร้อมส่งถึงสถานีปลายทางภายใน 24 ชม.

จากสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน การรถไฟฯ จึงได้ดำเนินมาตรการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพแก่คนไทย โดยนำร่องเปิดให้บริการขนส่งสินค้าพัสดุรายย่อย ประเภทหีบห่อวัตถุไปกับขบวนรถสินค้า เส้นทางสายใต้ แบบราคาประหยัด เพื่อช่วยให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงเอสเอ็มอี มีต้นทุนการขนส่งที่ถูกลง เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

สำหรับสินค้าที่จะใช้บริการขนส่งดังกล่าว จะต้องบรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิด แข็งแรง ขนาด (กว้าง X ยาวX สูง) ไม่เกิน 2.50×1.00×0.80 เมตร หรือมีเนื้อที่ไม่เกิน 2 ตารางเมตร และสูงไม่เกิน 1 เมตร มีน้ำหนักไม่เกิน 200 กิโลกรัมต่อชิ้น และเป็นสินค้าที่ไม่เน่าเสียง่าย เช่น สิ่งของ อะไหล่ เสื้อผ้า อาหารแห้ง

สำหรับอัตราค่าบริการ เริ่มต้นจากสถานีต้นทางถึงปลายทาง ที่ 50 บาท ต่อน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ไปจนถึงสูงสุด 470 บาท ต่อน้ำหนัก 200 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าขนส่งทางถนน จะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า 50-70% นอกจากนี้ ยังได้รับประกันความเสียหายของสินค้าที่เกิดจากการขนส่งตามระเบียบของการรถไฟฯ อีกด้วย

ทั้งนี้ การรถไฟฯ พร้อมเปิดให้บริการรับส่งพัสดุเป็นประจำทุกวัน เริ่มจากย่านสถานีรับส่งสินค้าพหลโยธิน จนถึงสถานีหาดใหญ่ อีกทั้งยังเปิดรับส่งสินค้าระหว่างทางที่สถานีชุมพร สุราษฎร์ธานี ชุมทางทุ่งสง ชุมทางหาดใหญ่ โดยใช้เวลาขนส่งจากต้นทาง ถึงปลายทางภายใน 24 ชั่วโมง

ผู้สนใจสามารถใช้บริการรับส่งสินค้าได้ที่ย่านสถานีรับส่งสินค้าพหลโยธิน (ใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ ด้านตรงข้ามตลาด อตก.) ตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น. หมายเลขโทรศัพท์ 084-2694161 และสถานีชุมพร สุราษฎร์ธานี ชุมทางทุ่งสง ชุมทางหาดใหญ่ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

“การขยายบริการรับส่งสินค้าและพัสดุทางรถไฟ นอกจากจะเป็นทางการเลือกในการช่วยลดค่าครองชีพในการขนส่งสินค้าแก่ประชาชน และผู้ประกอบการแล้ว ยังช่วยสนองตอบความต้องการของผู้ใช้บริการที่มีแนวโน้มหันมาขนส่งสินค้าทางรางเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของการรถไฟฯ ที่มุ่งส่งเสริมการปรับโหมดการขนส่งจากถนนสู่ระบบราง และเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าเข้ากับฐานการผลิตอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของประเทศ เนื่องจากการขนส่งทางราง ถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

การรถไฟฯ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้า โดยได้มีการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายใหม่ รวมถึงจัดหาหัวรถจักรรุ่นใหม่เข้ามา เพื่อขยายเครือข่ายการขนส่งให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอาเซียนในอนาคตอันใกล้

Facebook ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย (red arrow right) https://www.facebook.com/100064440019733/posts/pfbid034N8zYEvUzqGnBJHnDywhinB846RiGGyub3CJBpyBzfuzX5dGhxEMUGTj1amEQALYl/?d=n

INSTAGRAM SRT OFFICIAL (red arrow right)https://www.instagram.com/p/CgJ9Ka-p2su/?igshid=YmMyMTA2M2Y=

Twitter SRT OFFICIAL @PR_SRT (red arrow right)https://twitter.com/pr_srt/status/1549026154937733125?s=21&t=EKRY62qi2VCZR0K2s-qqiQ