ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับกรมการปกครอง และจังหวัดสมุทรปราการ จัดพิธีส่งและอำนวยพร ชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับกรมการปกครอง และจังหวัดสมุทรปราการ จัดพิธีส่งและอำนวยพร ชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประจำปี 2565

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับผู้เดินทาง ไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2565 ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เดินทางประมาณ 1,800 คน

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ร่วมกับกรมการปกครอง และจังหวัดสมุทรปราการได้จัดพิธีส่งและอำนวยพรผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ประจำปี 2565 ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง H.E. Mr.Essam Saleh H.Algetale อุปทูตราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นายอรุณ บุญชม ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี และนายอัษฎางค์ ขำคมกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 2) เข้าร่วมพิธีเพื่อเป็นเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์เที่ยวบินแรก ณ ทสภ. โดยพิธีฯจัดขึ้น ณ บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 9

ในช่วงเทศกาลฮัจย์ประจำปี 2565 คาดว่าจะมีชาวไทยมุสลิมเดินทางออกจากประเทศไทย ผ่านทาง ทสภ. เพื่อไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 1 – 3 กรกฎาคม 2565 ประมาณ 1,800 คน โดยมีสายการบินไทย และ Saudi Arabian Airlines ให้บริการเที่ยวบินไปยังราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย จำนวน 5 เที่ยวบิน ในส่วนของเที่ยวบินขากลับระหว่างวันที่ 9 – 12 สิงหาคม 2565 มีจำนวน 5 เที่ยวบิน

ดังนั้นเพื่อให้ผู้เดินทางไปแสวงบุญได้รับความสะดวก รวดเร็วในการใช้บริการ ทสภ. ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ไว้รองรับผู้เดินทางไปแสวงบุญให้พร้อม ใช้งาน อาทิ ห้องละหมาด จำนวน 3 ห้อง บริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสาร และภายในอาคารเทียบเครื่องบิน E ชั้น 3 และอาคารเทียบเครื่องบิน C ชั้น 2

นอกจากนี้ ทสภ. ยังได้มีการประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สายการบิน กองบังคับ การตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร และด่านควบคุมโรค โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญให้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

อาทิ การจัดช่องทางตรวจบัตรโดยสารสำหรับผู้แสวงบุญเป็นกรณีพิเศษ การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจหนังสือเดินทาง การผ่านศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร การตรวจคัดกรองโรคจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และขอความร่วมมือผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ AOT Contact Center โทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง