เอสซีจี ผนึก ไมโครซอฟท์ ทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร เร่งตอบโจทย์ลูกค้า “ตรงใจ-ฉับไว-ล้ำเทรนด์” ด้วยนวัตกรรมเพื่อโลกอนาคต

Featured Video Play Icon

เอสซีจี ผนึก ไมโครซอฟท์ ทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร เร่งตอบโจทย์ลูกค้า “ตรงใจ-ฉับไว-ล้ำเทรนด์” ด้วยนวัตกรรมเพื่อโลกอนาคต

วันที่ 7 มิถุนายน 2565 เอสซีจีและไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ประกาศผนึกกำลังเพื่อยกระดับศักยภาพของเอสซีจีสู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร มุ่งมอบประสบการณ์ที่ “ตรงใจ-ฉับไว-ล้ำเทรนด์”  ยิ่งขั้นสำหรับลูกค้าด้วยนวัตกรรมดิจิทัลระดับโลก ที่เสริมความรวดเร็วในการบริการ เพิ่มความประทับใจในความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า พร้อมขยายขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ ๆ ที่ตอบสนองต่อเทรนด์ในยุดหน้า ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์นวัตกรรมสู่อนาคต” ( Building New Frontiers of Innovation ) ในความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “ ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของเอสซีจีในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ให้สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนสอดรับกับยุคดิจิทัลที่มีทางเลือกหลากหลายและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมา เอสซีจี ได้นำเทคโนโลยีมาผสานกับการดำเนินงานรอบด้าน ประกอบด้วย

1. พัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี อาทิ “SCG Bi-ion” เทคโนโลยีไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ และ “SCG loT Sensing Thermostst” ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศไร้สายอัจฉริยะ เพื่อการประหยัดพลังงาน

2. บริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า เช่น แพลตฟอร์ม “TRUCK GO” ระบบจัดการบริหารงานขนส่ง ( Transportation Management System) สำหรับผู้ประกอบการและบริษัทขนส่งขนาดกลาง-เล็ก ช่วยประหยัดต้นทุนจากการลาดเวลาทำงานได้ 60% และแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ “Prompt Plus” ช่วยบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้า ให้แก่ร้านค้ารายย่อยที่มีทั่วประเทศกว่า 10,000 ราย

3. พัฒนากระบวนการผลิต เช่น เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี ( SCGC ) นำปัญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence หรือ AI ) ในโปรเจกต์ บอนไซ ( Bonsai ) ของไมโครซอฟท์ มาพัฒนาเทคโนโลยี “Digital Twin” หรือตัวแทนเสมือน ที่ช่วยประเมินผลเพื่อปรับรูปแบบการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การเปลี่ยนเกรดเม็ดพลาสติก การปรับสายการผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น แต่ใช้เวลาน้อยลง “

นายรุ่งโรจน์ กล่าวเสริมอีกว่า “ เอสซีจีมีความยินดีอย่างยิ่งในการผสานศักยภาพของทั้ง 2 องค์กร เพื่อพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการและโซลูชั่นที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าครบวงจรของไมโครซอฟท์ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence หรือ AI ) , การเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ ( Machine Learning ) , เมตาเวิร์ส ( Metaverse ) และ ควอนตัม คอมพิวเตอร์ ( Quantum Computer )  ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก พร้อมศักยภาพของเอสซีจีที่สามารถเข้าใจปัญหาและประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างลึกซื้ง ทั้งความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนและเทรนด์โลก ซึ่งจะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้สามารถช่วยส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที”

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์เชื่อว่าเทคโนโลยีจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและสังคมได้ดีที่สุด เมื่อถูกนำไปใช้โดยผู้ที่มีความเข้าใจในความต้องการ โอกาส ความท้าทายของผู้คนได้ลึกซึ้งที่สุด ด้วยเหตุนี้ เราจึงพร้อมเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสซีจีด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ใน 3 ด้านใหญ่ ๆ ได้แก่

– เพิ่มความ “ตรงใจ” ( Building for Intelligence) ท่ามกลางสภาพตลาดและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์และข้อมูลสินค้าที่ตรงกับความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมด้วย ปัญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence หรือ AI ) เพื่อเป็นตัวช่วยลูกค้าในการพิจารณา เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ในร้านค้า เอสซีจี โฮม และ ช่องทางออนไลน์ อีกหนึ่งตัวอย่างของโครงการในด้านนี้ ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเชิงลึกบน Digital Commerce Platform ที่ช่วยให้เข้าใจความสนใจของลูกค้าและตลาดแม่นยำมากขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สอดรับกับความต้องการทันท่วงที สามารถที่จะลดเวลารอคอยการยืนยันส่งมอบสินค้าได้ถึง 70%

– เสริมความ “ฉับไว” ( Building for Agility ) ในทุกก้าวของการดำเนินงาน เช่น โครงการ “Smart Manufacturing Campus Solution – CPAC Green Solution” ในธุรกิจ Cement and Green Solution เอสซีจี ได้นำเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ( Artificial Intelligence หรือ AI )และเมตาเวิร์ส ( Metaverse ) มาผสานเครื่องจักร คน และ กระบวนการทำงานเข้าด้วยกัน ทำให้บริหารจัดการกระบวนการผลิตได้รวดเร็ว ปลอดภัย รู้ทันความเสี่ยงในการผลิตล่วงหน้าเพื่อรับมือได้ทัน รวมทั้งช่วยให้ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยในอนาคต จะขยายองค์ความรู้และโซลูชั่นดังกล่าว ไปสู่เครือข่ายเพื่อร่วมขยายขีดความสามารถการแข่งขันให้กับวงการอุตสาหกรรม

– ต่อยอดความ “ล้ำเทรนด์” ( Building for the Beyond) เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ในอนาคต ด้วยการยกระดับกระบวนการพัฒนานวัตกรรมให้รวดเร็ว และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น เช่น การคิดค้นนวัตกรรมผ่านโลกเสมือนในเมตาเวิร์ส ( Metaverse ) เพื่อเปิดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญจากเอสซีจี และการย่นระยะเวลาในการวิเคราะห์-วิจัย นวัตกรรมให้สั้นลง ด้วยเทคโนโลยีควอนตั้ม คอมพิวเตอร์ ( Quantum Computer )

ภายใต้ความร่วมมือนี้ ไมโครซอฟท์ยังพร้อมให้การสนับสนุนแบบครบวงจร เพื่อรองรับการปรับใช้นวัตกรรมดิจิทัลในทุกภาคส่วนของเอสซีจี ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือของไมโครซอฟท์ที่เป็นรากฐานสำคัญในการปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure หรือ โซลูชั่นอย่าง Dynamics และ Microsoft 365 ที่รองรับการทำงานของบุคลากรทั่วทั้งองค์กร ไปจนถึงบริการคลาวด์ เพื่อความยั่งยืนอย่าง Microsoft Cloud for Sustainability ที่จะทำงานสอดประสานไปกับแนวทาง ESG 4 Plus Z ( มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเป็นธรรม โปร่งใส )ของเอสซีจีเพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนโลก ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โซลูชั่นใหม่ ๆ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ