พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเยี่ยมชมนิทรรศการ “ออมสินเคียงข้าง ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่ออนาคตไทยยั่งยืน” โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ให้การต้อนรับและนำเสนอผลการดำเนินงานของธนาคารออมสิน
ภายใต้ภารกิจธนาคารเพื่อสังคม ที่มุ่งมั่นเคียงข้าง ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่ออนาคตไทยยั่งยืน ซึ่งธนาคารออมสิน ได้จัดแสดงผลดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยดำเนินการควบคู่กันใน 2 ด้าน ทั้งภารกิจเชิงสังคม ที่มีเป้าหมายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างการเข้าถึงแหล่งเงินที่เป็นธรรม และภารกิจเชิงพาณิชย์ เพื่อนำกำไรจากธุรกิจปกติมาสนับสนุนภารกิจเพื่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และผู้มีรายได้น้อยอย่างเต็มกำลัง ผ่านมาตรการต่าง ๆ กว่า 41 โครงการ สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ 12.9 ล้านราย
ด้วยการสร้างโอกาสให้ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรมและเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น ผ่านสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สินเชื่อเสริมพลังฐานราก สินเชื่ออิ่มใจ สินเชื่อ SMEs มีที่มีเงิน และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมออกสินเชื่อเร่งด่วน อัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.10%-0.35% ต่อเดือน และผ่อนปรนหนี้ ด้วยมาตรการพักชำระหนี้อัตโนมัติ ซึ่งสามารถช่วยลดภาระบรรเทาค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างต่อเนื่อง จำนวนกว่า 3.99 ล้านราย นอกจากนี้จัดทำโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อให้ประชาชนที่ตกงานหรือขาดรายได้สามารถฟื้นตัว กลับมามีอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน
โดยได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพธุรกิจและสร้างช่องทางขายให้แก่ลูกค้า ชุมชน และหน่วยงานพันธมิตร อาทิ โครงการออมสินอาชีวะสร้างอาชีพสู่ชุมชน โครงการฝึกอบรม 109 อาชีพ ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ โครงการครัวชุมชน สำรับออมสิน โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น โครงการออมสินสารพัดช่างสารพัดอาชีพ และโครงการสร้างธุรกิจให้กับผู้ประกอบการยุคใหม่ (GSB Smart Startup Company) อีกทั้งให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 หลากหลายโครงการ อาทิ ออมสินเพื่อสมุย ออมสินห่วงใย ส่งกำลังใจให้สังคม เป็นต้น
ส่วนการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่มีการบริหารจัดการตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ตามนโยบายของรัฐบาล ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 6.9 หมื่นล้านบาท ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565