อยุธยา ระดมสรรพกำลังเร่งหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและระยะยาว กรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิต เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนนักท่องเที่ยว
วันที่ 27 พ.ค. 65 เวลา 13.00 น. นายวีระชัย นาคมาศ (นาค-คะ-มาด) ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อหารือแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนโรจนะ โดยมี พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง รอง ผบก.ตร.ภ.จว. นายกฤษณ์ เถี่ยนมิตรภาพ และพันจ่าอากาศเอกสุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา หัวหน้า สนง.คปภ. ประชาสัมพันธ์จังหวัด บริษัทกลาง คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ แขวงทางหลวงชนบทพระนครศรีอยุธยา ผู้แทนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ผู้แทนสาธารณสุขจังหวัด ผู้แทนแขวงทางหลวงอยุธยา ผู้แทนนายอำเภอพระนครศรีอยุธยา ผู้แทนขนส่งจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
จากกรณีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลาประมาณ ๒๑.๐๐ น. เกิดอุบัติเหตุบริเวณถนนโรจนะขาเช้ากลางสี่แยกสัญญานไฟจราจร คลองมะขามเรียง ขณะที่ นายสถาปนา คุ้มสุภา อายุ ๔๒ ปี ขับรถมาด้วยความเร็วจากสะพานนเรศวรถึงสี่แยกที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสัญญานไฟเขียว ชนนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวฝรั่งเศส น.ส.คามีเลีย จีน กาวาเดน MISS.CAMILLE GAVAUDAN อายุ ๒๖ ปี ขณะขับขี่รถจักรยานข้ามถนนปรีดีพนมยงค์ บริเวณแยกสัญญาณไฟจราจรคลองมะขามเรียง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยนายไพรัตน์ เพชรยวน กล่าวว่า ในนามพี่น้องชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต้องกราบแสดงความเสียใจกับครอบครัว น.ส.คามีเลีย จีน กาวาเดน ชาวฝรั่งเศสที่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งดูดาย ส่วนราชการ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เมื่อเกิดเหตุโดยทันที และในวันนี้เราได้เร่งประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเร่งแก้ปัญหาในจุดที่เกิดอุบัติเหตุและจุดอื่นๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
ส่วนในเรื่องการแก้ปัญหาระยะสั้น วันนี้ทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาได้ลงพื้นที่ปรับแก้จุดสัญญาณไฟที่เกิดเหตุและจุดอื่นๆ ร่วมกับทางตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเตรียมติดตั้งเครื่องหมายจราจรชะลอความเร็วในเขตชุมชนเมือง (ตามที่กฎหมายกำหนด) เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ได้รับรู้ทราบ พร้อมจัดทำป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์เป็นภาษาไทย-อังกฤษ ให้นักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนที่ใช้สัญจรจำนวนมากในเส้นทางนี้ โดยเน้นความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ รวมทั้งแก้ไขปัญหาการคับคั่งของการจราจรในพื้นที่ด้วย สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาว ได้ให้ตำรวจภูธรจังหวัดร่วมกับเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาตรวจสอบทุกไฟแดง และวางมาตรการเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เราได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องการสร้างความปลอดภัยทางข้าม โดยเฉพาะทางม้าลาย ซึ่งจังหวัดได้ดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในทุกเดือน ทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ ทุกชุมชน และเทศบาล เพื่อสร้างการตระหนักรู้ให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการ Guest House ช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักในพื้นที่รับทราบกฎหมายการจราจรอีกด้วย
ฝากถึงพี่น้องประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางจังหวัดไม่ได้นิ่งดูดาย เราทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการแก้ไขไม่อยากให้เกิดการสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนหรือว่านักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีก วันนี้เราได้เร่งดำเนินแก้ไขในเรื่องนี้โดยด่วน ฝากถึงทุกท่านว่าเราจะรักษาชีวิตและความปลอดภัยของท่านอย่างสูงสุดขอให้ท่านเชื่อมั่นและเชิญชวนมาท่องเที่ยว มาเยี่ยมชมจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยความสบายใจและขอให้มั่นใจในความรักษาความปลอดภัย
ด้าน พ.ต.อ.นฤนาถ พุทไธสง กล่าวว่า การควบคุมความเร็วในพื้นที่เขตเกาะเมือง ต้องเรียนให้ทราบว่าการบังคับใช้กฎหมายในถนนเส้นโรจนะ แบ่งเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่สะพานต่างระดับถนนเอเชีย หน้าโรงพยาบาลราชธานี ถึงศาลากลางหลังเก่า มี 2 หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือเทศบาลพระนครศรีอยุธยาและแขวงทางหลวงอยุธยา ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร ตั้งแต่ปี 2561 บังคับใช้ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งป้ายจำกัดความเร็วก็มีอยู่และเลอะเลือนไปบ้าง ชำรุดบ้าง
วันนี้ในที่ประชุมได้ให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและจัดทำขึ้นมาใหม่ ให้เกิดความชัดเจน และสร้างความตระหนักรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ผู้ขับขี่รถให้ทราบว่าถนนเส้นนี้ใช้ความเร็วได้แค่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการเยียวยาผู้เสียหาย เป็นไปตามหลักกฎหมายการประกันภัยของผู้ก่อเหตุหรือคู่กรณี ซึ่งบริษัทกลาง คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และ คปภ. ได้มีมาตรการในการดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของการคุ้มครองผู้ประสบภัย กรณีนี้ ข้อเท็จจริงไม่ได้ชนทางข้าม ตรงจุดเกิดเหตุเป็นจุดที่อยู่ใกล้ทางร่วมทางแยก ซึ่งโดยกายภาพถนนเส้นนี้ไม่ได้กำหนดเป็นทางข้าม ซึ่งมีก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร หน้าที่ว่าการอำเภอ
พันจ่าอากาศเอกสุวัฒน์ สรรพโกศลกุล กล่าวว่า ทางเทศบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานในทุกมิติ ตามมติที่ประชุมที่รองผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้บังคับการตำรวจ และที่ประชุมได้เสนอแนะ เพื่อสร้างความปลอดภัยและจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ โรงเรียน สถาบันการศึกษา รวมทั้งสนับสนุนเรื่องการทาสีเส้นและเสริมมติที่ประชุมในวันนี้
#สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา