“อนุทิน” นำทีม สธ.แสดงจุดยืนปลดล็อกใช้ “กัญชา” อย่างเข้าใจ ดูแลสุขภาพ ส่งเสริมเศรษฐกิจ ไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ประกาศแสดงจุดยืนปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อใช้ดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ ไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม พร้อมลงนามร่วมกัน 8 หน่วยงาน สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เน้นใช้กัญชาอย่างเข้าใจ ประชาชนปลูกได้เพื่อดูแลสุขภาพตนเอง ภาคธุรกิจทำได้ไม่มีการผูกขาด

วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแสดงจุดยืน “การปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม” พร้อมร่วมกับ 8 หน่วยงาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมการใช้กัญชา กัญชง ดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจและไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) แพทยสภา สภาการแพทย์แผนไทย สภาเภสัชกรรม และสภาการพยาบาล พร้อมอีก 3 หน่วยงานที่ร่วมลงนามเป็นพยาน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง โดยช่วงแรกได้ผลักดันให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัย จากนั้นได้ต่อยอดมาเพิ่มมูลค่ากลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ทำให้ขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาและกัญชง ออกสู่ตลาดอย่างหลากหลายทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 จะมีผลบังคับใช้ มีผลให้ควบคุมเฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ส่งผลให้สามารถนำส่วนต่างๆ ของพืชกัญชา กัญชง มาพัฒนาและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และสมุนไพรได้ ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกัญชา กัญชงในประเทศไทย และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อยากทำความเข้าใจ เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างถูกต้องว่า ประชาชนจะสามารถปลูกพืชกัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพได้ง่าย ผ่านการจดแจ้ง ส่งผลให้ลดรายจ่ายด้านการรักษาและเพิ่มทางเลือกในการดูแลสุขภาพ

สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา กัญชง สามารถทำได้ ไม่มีผูกขาด แต่ขอให้ดำเนินการภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการให้เกิดความหลากหลายของการพัฒนาสมุนไพร ยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังมีการควบคุมการผลิตสารสกัดให้มีคุณภาพมาตรฐานและมีมาตรการป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด

นายอนุทินกล่าวต่อว่า การลงนามในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขว่า การปลดล็อกกัญชา กัญชงในครั้งนี้ มีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ

1.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ Health & Medical

2.ให้เกิดเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทั้งในกลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพรและอาหาร รวมถึงส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรม Beauty/Product & Innovation

3.เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง

“ขอขอบคุณภาคีเครือข่ายที่มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ ที่จะร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง ในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย ไม่สนับสนุนการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนทั่วไป เด็ก เยาวชน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาพำนักหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย ตระหนักถึงประโยชน์และโทษจากการใช้กัญชา กัญชง มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง

สามารถใช้กัญชา กัญชง ในการดูแลสุขภาพอย่างเข้าใจ ทำให้เกิดการรับรู้ของสังคมในวงกว้างในการต่อต้านการใช้กัญชา กัญชงที่ไม่เหมาะสม โดยขอให้ประชาชนใช้ให้ถูก ใช้ให้เป็น ใช้กัญชากัญชงอย่างเข้าใจ เพื่อสร้างคุณประโยชน์เท่านั้น” นายอนุทินกล่าว

******************************** 27 พฤษภาคม 2565