รมว.พม. ชูทำงานแบบบูรณาการ เพื่อคุณภาพชีวิตยุคใหม่ ดูแลทุกวัย ยกระดับสวัสดิการ ในงานเสวนา “Better Thailand Open Dialogue”

วันที่ 20 พ.ค. 65 เวลา 13.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “คุณภาพชีวิตยุคใหม่ ดูแลทุกวัย ยกระดับสวัสดิการ” ในงานเสวนา “Better Thailand Open Dialogue ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐบนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ร่วมเสวนา ณ ห้องประชุมรอยัล พารากอน ฮอลล์ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน

นายจุติ กล่าวว่า รัฐบาลทำงานแบบบูรณาการ ซึ่งกระทรวง พม. ทำงานเพียงหน่วยงานเดียวย่อมไม่สำเร็จ เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลสำเร็จ จากสถานการณ์โควิด – 19 จะเห็นเป็นตัวอย่าง โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศว่าจะรักษาชีวิตของคนไทย และป้องกันไม่ให้คนไทยเจ็บป่วย ซึ่งสิ่งที่เห็นคือ นอกจากความร่วมมือของประชาชนแล้ว ทุกกระทรวงได้ร่วมมือช่วยกันทำงาน และเราโชคดีที่มีฐานการแพทย์ที่เข้มแข็งและครอบคลุมทั่วถึง เพื่อที่ดูแลคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้ง อสม. คอยดูแลประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ประชาชนคือสิ่งสำคัญที่สุด ทุกกระทรวงจึงมีการบูรณาการที่ดี ซึ่งเกิดจากการดำเนินงานของรัฐบาล

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. ได้จัดบริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service สำหรับคนพิการ เนื่องจากทราบว่ามีปัญหามาก โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยทำบัตรประจำตัวคนพิการ ในขณะเดียวกันประเทศไทยมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงเดี่ยวจำนวนมาก กระทรวง พม. จึงได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ในการดูแลเด็กที่มีปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยที่ไม่พร้อม รวมไปถึงกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน ในการช่วยกันดูแลและหางานทำ เพื่อให้เด็กมีอนาคตต่อไป ซึ่งเด็กเหล่านี้ต้องได้รับคำแนะนำ เพราะยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิต หากเราไม่ได้บูรณการร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ย่อมจะเกิดขึ้นไม่ได้

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย 2 ปีที่ผ่านมา กระทรวง พม. ได้ดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชา สำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นบ้านเช่าราคาถูก เริ่มต้น 999 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นค่าเช่าที่ต่ำกว่าท้องตลาด 40 เปอร์เซ็นต์ โดยมีแนวคิดที่เปลี่ยนจากการทำกำไรเชิงพาณิชย์เป็นกำไรเชิงสังคม ส่วนความมั่นคงด้านอาชีพ กระทรวง พม. ได้สร้างอาชีพใหม่หลังโควิด – 19 อาทิ อาชีพเชฟอาหารไทยและบัตเลอร์ (Butler) ซึ่งเป็นอาชีพที่สามารถต้อนรับชาวต่างประเทศได้