+ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักมากบางพื้นที่
+ ปริมาณฝน 24 ชั่วโมง สูงสุดที่ จ.อุบลราชธานี (108) จ.แพร่ (98) และ จ.ตราด (98)
+ แม่น้ำสายหลัก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนแม่น้ำโขง มีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
+ ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 45,445 ล้าน ลบ.ม. (55%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 39,628 ล้าน ลบ.ม. (55%) เฝ้าระวังน้ำน้อย จำนวน 4 แห่ง บริเวณภาคเหนือ (3 แห่ง) ภาคตะวันตก (1 แห่ง)
+ เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก บริเวณ ภาคเหนือ จ.แพร่ (อ.เมืองฯ เด่นชัย วังชิ้น และร้องกวาง) น่าน (อ.นาน้อย) และอุตรดิตถ์ (อ.ท่าปลา)
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ศรีสะเกษ (อ.ภูสิงห์ ขุนหาญ) และอุบลราชธานี (อ.บุณฑริก นาจะหลวย น้ำขุ่น และน้ำยืน)
– ภาคใต้ จ.ระนอง (อ.สุขสำราญ และกะเปอร์) และพังงา (อ.คุระบุรี)
+ กอนช. ติตตามหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน 2565
สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร กำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงฤดูฝนปี 2565 ดังนี้
ติดตามการพยากรณ์อากาศ จัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มฝนจากเรดาร์ตรวจอากาศของกรุงเทพมหานคร
ติดตามสถานการณ์ฝนและสถานการณ์น้ำโดยใช้ระบบโทรมาตรในการตรวจสอบสถานีเครือข่ายต่างๆ ได้แก่ ระบบการตรวจวัดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและในคลอง 255 แห่ง ระบบตรวจวัดปริมาณฝน 130 แห่ง ระบบตรวจวัดน้ำท่วมถนน 100 แห่ง ระบบตรวจวัดน้ำท่วมอุโมงค์ทางลอด 8 แห่ง
ตรวจสอบประสิทธิภาพของอุโมงค์ระบายน้ำ 4 แห่ง สถานีสูบน้ำ 190 แห่ง ประตูระบายน้ำ 244 แห่ง บ่อสูบน้ำ 316 แห่ง
ติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราวในพื้นที่จุดเสี่ยงและจุดเฝ้าระวังน้ำท่วม ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ขุดลอกคูคลอง เปิดทางน้ำไหล จัดเก็บขยะวัชพืช ตลอดจนจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำชนิดเคลื่อนที่ พร้อมรถเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง และประสานการไฟฟ้านครหลวงกรณีไฟฟ้าดับเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในการเดินทาง
นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการก่อสร้างระบบระบายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ ให้ไหลลงคูคลองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น