สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) หนุนวิสาหกิจชุมชน สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากไทยในยุคหลังโควิด 19 เพื่อถอดบทเรียนความสำเร็จการดำเนินธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชน ทั้งภาคการค้าสินค้าและภาคบริการ
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ. สนค.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2565 สนค. มีโครงการพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากไทยในยุคหลังโควิด 19 โดยมี บริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาโครงการฯ โดยในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่เพื่อคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสำหรับการพัฒนา มีการลงพื้นที่ในภาคเหนือ (จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา) และภาคใต้ (จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดกระบี่) โดยได้พบปะสัมภาษณ์เชิงลึกวิสาหกิจชุมชน 11 ราย สอบถามแนวทางการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรค เป้าหมายการพัฒนา รวมทั้งสิ่งที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ จากนั้นได้ทำการคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ2 ราย มีภาคการค้าสินค้า และภาคบริการอย่างละ 1 ราย โดยมีเกณฑ์การคัดเลือก 6 ด้าน คือ
(1) ด้านผู้นำและทิศทางของวิสาหกิจชุมชน
(2) ด้านการบริหารจัดการ
(3) ด้านการผลิต
(4) ด้านการตลาด
(5) ความสามารถในการแข่งขัน
(6) ความยืดหยุ่นของกลุ่ม
ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนต้นแบบภาคการค้าสินค้า ที่ได้รับคัดเลือก คือ “วิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานสู่การแปรรูปเชิงนวัตกรรม (ข้าวน้ำจํา)” จังหวัดพะเยา ซึ่งสินค้าที่สำคัญของกลุ่ม ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และการ์โนล่าบาร์ สำหรับวิสาหกิจชุมชนต้นแบบภาคบริการ ที่ได้รับคัดเลือก คือ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์ (บ้านหน้าทับ)” จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินกิจการท่องเที่ยวชุมชน โฮมสเตย์ สปาโคลนทะเล ปลูกป่าชายเลน รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ความงามจากโคลนทะเล
หลังจากที่ได้คัดเลือกวิสาหกิจชุมชนต้นแบบแล้ว ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายนได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมบ่มเพาะและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนต้นแบบทั้ง 2 ราย รวมทั้งเปิดโอกาสให้วิสาหกิจชุมชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ มาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจ อาทิ การบริหารจัดการองค์กร บริหารคน บริหารสินค้า การเงินและการบัญชีการประเมินต้นทุนเพื่อตั้งราคา การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน อุปสรรค และโอกาส (SWOT) การค้นหาและทำความรู้จักลูกค้าในตลาดเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์และคุณค่าของสินค้าและบริการ การวิจัยตลาดด้วยกูเกิลเทรนด์ หาเทรนด์สินค้าเพื่อวางแผนการตลาด การออกแบบคอนเทนต์ร้อยเรียงเรื่องราว (Story Telling)การสร้างแบรนด์เพื่อสร้างภาพจำให้ผู้บริโภค เทคนิคการถ่ายภาพและวิดีโอ ให้สามารถโชว์จุดขายที่น่าสนใจสำหรับการทำการตลาดออนไลน์
นอกจากนี้ ได้เชิญ คุณลี-อายุ จือปา ผู้ก่อตั้งแบรนด์กาแฟ “อาข่า อาม่า” ธุรกิจเพื่อสังคม เป็นตัวกลางกระจายเมล็ดกาแฟและผลผลิตของชุมชนจากหมู่บ้านในอำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรายไปสู่ตลาดโลกและคุณวิโรจน์ ฉิมมี เจ้าของบ้านไร่ไออรุณ ฟาร์มสเตย์ จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นนักธุรกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจบริการ มาแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจและเส้นทางสู่ความสำเร็จ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและสร้างแรงบันดาลใจให้กับวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ
ในระยะต่อไป ในเดือนพฤษภาคมนี้ สนค. จะติดตามความคืบหน้ากิจกรรมบ่มเพาะฯ และจะจัดสัมมนาเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการฯ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 หลังจากนั้น สนค. จะถอดบทเรียนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนต้นแบบ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนทั้งภาคการค้าสินค้าและภาคบริการ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากไทยในยุคหลังโควิด 19 และเผยแพร่ให้วิสาหกิจชุมชนใช้เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจใช้ประโยชน์ต่อไป
************************************
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า
9 พฤษภาคม 2565