เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เป็นตัวแทนรัฐบาล รับหนังสือข้อเรียกร้องเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2565 จาก คสรท. และ สรส. โดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธาน คสรท. เป็นผู้ยื่นข้อเรียกร้อง ณ บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล
นายวรรณรัตน์ กล่าวว่า เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติของทุกปี จะมีการจัดกิจกรรมของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งการยื่นข้อเรียกร้องมายังรัฐบาล ในวันนี้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้กระผมในนามตัวแทนรัฐบาลมารับหนังสือข้อเรียกร้องจากผู้นำแรงงาน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญการกับมุ่งยกระดับศักยภาพและดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกมิติ ซึ่งล้วนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะได้เร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้องและจะรายงานผลการดำเนินให้ทราบต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้องเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2565 ของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) มีจำนวน 14 ข้อ ได้แก่ 1) รัฐต้องกำหนดค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรมให้ครอบคลุมผู้ใช้แรงงานทุกภาคส่วน 2) รัฐต้องควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะราคาน้ำมัน เพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกิจกรรมเศรษฐกิจฐานล่างในภาพรวมได้อย่างแท้จริง 3) รัฐต้องหยุดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในทุกรูปแบบ และให้มีการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในการให้บริการที่ดี มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน 4) รัฐต้องปรับปรุงโครงสร้างทางภาษีเพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างเป็นธรรมให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน เพิ่มศักยภาพการจัดเก็บภาษีเพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณแผ่นดินในการพัฒนาประเทศยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนทุกมติทุกคนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมด้วยการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่ซ้ำซ้อน รวมถึงกำหนดการงดเก็บหรือเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้มีความเหมาะสม รวมถึงยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าอย่างจริงจัง การจัดเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นในอัตราที่ไม่น้อยจนเกินไป ภาษีที่ดิน ภาษีมรดกให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว 5) รัฐต้องปฏิรูปการประกันสังคม ดังต่อไปนี้ 6) รัฐต้องจัดสวัสดิการถ้วนหน้าที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ 7) รัฐบาลต้องให้สัตยาบันอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) 8) รัฐบาลต้องยกเลิกนโยบายการจำกัดอัตรากำลังบุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และยกเลิกนโยบายการลดสิทธิประโยชน์ สวัสดิการของพนักงานและครอบครัว 9) รัฐต้องกำหนดให้ลูกจ้างภาครัฐในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นรับค่าจ้างจากงบประมาณแผ่นดิน และต้องบรรจุเป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างประจำ 10) รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีที่นายจ้างเลิกจ้างคนงานโดยไม่จ่ายค่าชดเชย หรือจ่ายไม่ครบที่กฎหมายกำหนด เช่น การปิดกิจการ หรือ การยุบเลิกกิจการในทุกรูปแบบ (ตามรัฐธรรมธรรมนูญ หมวด 5 มาตรา 53) 11) รัฐต้องจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการลงทุน โดยให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิของคนงาน เมื่อมีการเลิกจ้างหรือปิดกิจการ โดยนายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย คนงานต้องได้สิทธิรับเงินจากกองทุนนี้ พร้อมทั้งการสนับสนุนค่าดำเนินการทางคดีระหว่างผู้ประกอบการกับคนงาน หรือ รัฐกับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย 12) รัฐต้องพัฒนากลไกเข้าถึงสิทธิและการบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน อย่างจริงจัง รัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณ ให้แก่สถาบันความปลอดภัยฯ ให้เพียงพอ สำหรับการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพ และสร้างกลไก กติกา ภายใต้การมีส่วนร่วมของคนงานทุกภาคส่วน และ ยกเลิกการใช้แร่ใยหินทุกรูปแบบ 13) รัฐต้องยกเลิกการจ้างงานที่ไม่มั่นคง เช่น การจ้างงานแบบชั่วคราว รายวัน รายชั่วโมง เหมาค่าแรง เหมางาน เหมาบริการ และการจ้างงานบางช่วงเวลา ทั้งภาครัฐและเอกชน 14) ข้อเสนอเพื่อคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ