อธิบดี พช. ประชุมกรมการพัฒนาชุมชน ประจำเดือนเมษายน 2565 ขับเคลื่อนภารกิจสำคัญกรมการพัฒนาชุมชน

วันที่ 26 เมษายน 2565 นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานการประชุมกรมการพัฒนาชุมชน ครั้งที่ 4/2565 โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการในสังกัด และสำนักงานพัฒนาชุมชนทั้ง 76 จังหวัด ร่วมประชุมผ่านระบบ ทีวี พช. ณ ห้อง War Room และห้องประชุม 5001 ชั้น 5 กรมการพัฒนาชุมชน

นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเน้นย้ำเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลา ได้แก่ การขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติให้มีการปรับแผนการดำเนินงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 4 บูรณาการแนวทางการให้ความช่วยเหลือซึ่ง ศจพ.อ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 จึงขอฝากให้เร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2565

จากนั้นได้มีการติดตามภารกิจที่สำคัญ จำนวน 8 เรื่อง ได้แก่การขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบโคก หนอง นา โมเดล การบริหารการส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ การติดตามเงินทุนที่อยู่ระหว่างชำระคืนเงินยืมตามสัญญาปี 2564 โครงการแก้ไขปัญหาความยากจน (กจ.คจ.) การบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การบริหารงานตามมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และการสวมใส่ผ้าไทยตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 การพัฒนาบริการดิจิทัลสำหรับประชาชน และส่งเสริมการใช้ประโยชน์แพลตฟอร์มดิจิทัล “Click ชุมชน”

ทั้งนี้ขอชมเชยจังหวัดที่มีค่าคะแนนการดำเนินการเฉลี่ยสูงสุดทั้ง 8 กิจกรรม จำนวน 13 จังหวัดได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร ศรีสะเกษ นนทบุรี เลย หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด สุรินทร์ อ่างทอง ชุมพร ตรัง กาฬสินธุ์ และพิษณุโลก และขอฝากให้จังหวัดที่มีผลการดำเนินงานยังไม่เป็นไปตามแผนปฏิบัติการเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานด้วย

นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข อยู่รอด พอเพียง และยั่งยืน ผ่านกลไกส่วนราชการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในแต่ละด้าน ซึ่งมีแนวทางการบูรณาการให้ความช่วยเหลือ

โดยหน่วยงานต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ภาคส่วน/ภาคีการพัฒนา นำแผนงาน โครงการจากเมนูแก้จนมาเป็นกรอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือ มีทีมพี่เลี้ยงบันทึกแนวทางการแก้ไขปัญหาในระบบ Logbook และดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามโครงการ กิจกรรมที่ผ่านการประชุม ศจพ.อ. และได้มีการเน้นย้ำให้ทีมปฏิบัติการฯ ให้ความสำคัญต่อการนำข้อมูลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาของทีมพี่เลี้ยงมาจัดประเภท สังเคราะห์ และจำแนกเป็นโครงการ/กิจกรรม เพื่อนำเข้าที่ประชุม ศจพ.อ. และ ศจพ.อ. ต้องให้ความสำคัญกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรงตามสภาพปัญหา รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาครัวเรือนเป้าหมาย ใช้ศักยภาพในการบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ให้เข้าร่วมประชุม เพื่อรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาด้วย โดยใช้กลไกการแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่มีในระดับอำเภอ ทั้งบุคลากรและงบประมาณ และดำเนินการให้เสร็จสิ้น

พร้อมรายงาน ตาม ศจพ.4 ภายในวันที่ 30 เมษายน 2565 และเตรียมประเด็นการนำเสนอข้อมูล การขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของผู้ว่าราชการจังหวัด ในการประชุมมอบนโยบายฯ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นท์ กรุงเทพฯ โดยมีเป้าหมายครัวเรือนตั้งต้นในระบบ TPMAP ปี 2565 จำนวน 619,111 ครัวเรือน ครัวเรือนตกหล่น Exclusion (ตก 17 ตัวชี้วัด) จำนวน 32,862 ครัวเรือน กรมการพัฒนาชุมชนจะใช้เป้าหมายนี้เป็นฐานในการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

โดยมีผลความก้าวหน้า สำรวจเป้าตั้งต้น พบเสียชีวิต 289 ครัวเรือน ย้ายไม่อยู่ในพื้นที่ 3,625 ครัวเรือน ซึ่งทำให้ยอดคงเหลือสำรวจและบันทึก 648,059 ครัวเรือน แบ่งเป็นพัฒนาได้ 604,765 ครัวเรือน และสงเคราะห์ 72,147 ครัวเรือน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 เมษายน 2565) ในกรณีที่ไม่มีหน่วยงานในระดับอำเภอให้ส่งมายัง ศจพ.จ. ทั้งนี้เร่งแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนที่เป็นเป้าหมายให้ได้รับช่วยเหลือ ดูแล ตามสภาพปัญหาครบทุกครัวเรือน ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 กันยายน 2565 นี้

ในส่วนของภารกิจกรมการพัฒนาชุมชน ในการบริหารงานตามมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตามนโยบายของท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้มีการสำรวจศิลปิน/ช่างทอ ที่สามารถทอผ้าลายสร้างสรรค์ และดอกไม้ประจำจังหวัดที่สามารถให้สีและสามารถนำมาย้อมสีธรรมชาติได้ ซึ่งทางจังหวัดได้ดำเนินการสำรวจจาก 76 จังหวัด ดังนี้

1. ศิลปิน/ช่างทอผ้าลายสร้างสรรค์ จำนวน 670 ราย โดยมีเทคนิคที่ใช้ส่วนใหญ่ คือ ผ้ามัดหมี่ ผ้าจก ผ้ายก ผ้าขิด ผ้าเกาะล้วง ผ้าปักมือ และผ้าบาติก

2. ดอกไม้ประจำจังหวัด ที่สามารถย้อมสีธรรมชาติได้ จำนวน 40 ชนิด/จังหวัด สีที่ได้ส่วนใหญ่ คือ สีน้ำตาล สีชมพู สีเหลือง เป็นต้น

3. จังหวัดที่มีลายผ้าเป็นลายดอกไม้ประจำจังหวัด มีจำนวน 43 จังหวัด อาทิ ลายดอกจิกทะเล ลายดอกสัก ลายดอกแก้ว

4. ดอกไม้ (ที่ไม่ใช่ดอกไม้ประจำจังหวัด) ต้นไม้ ใบไม้ ที่ให้สีและสามารถนำมาย้อมสีธรรมชาติได้ ประมาณ 240 ชนิด ส่วนใหญ่เป็น ต้นตะแบก ต้นคราม ต้นมะเกลือ ต้นสะเดา โดยจะให้สี เช่น สีน้ำตาล สีดำ สีส้ม สีฟ้า สีน้ำเงิน เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 25 เมษายน 2565)

ทั้งนี้ในปี 2565 การจัดกิจกรรมการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ได้มีการประดิษฐ์ผีเสื้อเพื่อนำไปประดับในนิทรรศการ รวมทั้งกิจกรรมสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน ในเรื่องของการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว รณรงค์ปลูกพืชผักสมุนไพร ต้านภัย COVID-19 ซึ่งแต่ละจังหวัดได้ดำเนินการแล้ว ดังนี้

1. กิจกรรมผู้นำต้นแบบ ตัวอย่างที่เห็นจริง

2. ผู้นำต้องทำก่อน

3. นักพัฒนา 3 ประสานกลไกขับเคลื่อนปฏิบัติการ

4. ทุกครัวเรือน คือคลังอาหาร ทุกหมู่บ้านคือศูนย์แบ่งปัน

5. ทักษะชีวิตใหม่ เยาวชนไทยสร้างอาหารเป็น

6. ถอดรหัสการพัฒนา ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองในการสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน รวมถึงการจัดทำถังขยะแห้ง ถังขยะเปียกลดโลกร้อน ทั้งนี้ขอให้ทุกจังหวัดร่วมมือกันในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และรายงานในระบบ PLANT for Good โดยจะดำเนินการครบตามเป้าหมายที่วางไว้ในเดือนสิงหาคม 2565

โครงการ 90 พรรษา 999 สมทบทุนศรัทธา ทุนปัญญา กองทุนแม่ของแผ่นดิน ทุนตั้งต้นแห่งความดีงาม ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนกำหนดให้หมู่บ้านกองทุนแม่/หมู่บ้านต้นกล้าฯ มีการจัดกิจกรรมเพื่อหาทุนเพิ่มให้กองทุนแม่ของแผ่นดิน ไม่น้อยกว่า 999 บาท/หมู่บ้าน โดยสามารถดำเนินการตามแนวทางการเพิ่มทุนศรัทธา หรือทุนปัญญา อาทิ การจัดกิจกรรมแลกเงินขวัญถุง การทอดผ้าป่ากองทุนแม่ การจัดเก็บเงินแห่งศรัทธาจากสมาชิกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง การจัดกิจกรรมจำหน่ายดอกมะลิ การจำหน่ายเสื้อ การจัดกิจกรรมแรลลี่การกุศล เป็นต้น โดยไม่ขัดกับหลักการดำเนินงานฯ โดยมีระยะดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายน 2565

รวมถึงกรมการพัฒนาชุมชนยังได้ให้ความร่วมมือในการบูรณาการกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานภาคี (ปปส. / สถ. / กอ.รมน.) ประชาสัมพันธ์เชิญชวนสมาชิกเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน ร่วมบริจาคโลหิตตามโครงการบริจาคโลหิต “90 พรรษา 90 ล้านซีซี ถวายราชสดุดี สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 และยังเป็นการรณรงค์ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน และภาคีที่เกี่ยวข้องอีกด้วย โดยสามารถเข้าร่วมบริจาคเลือดได้ในห้วงเดือนเมษายน – ธันวาคม 2565 ณ โรงพยาบาลที่รับบริจาคโลหิตใกล้บ้าน

ท้ายนี้ขอให้ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมดำเนินภารกิจสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการทำงานเป็นทีม มีความเป็นพี่นัอง ช่วยกันทำงาน โดยยึดเป้าหมาย คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน