คุ้มครองสิทธิฯ เผยกรณีหญิงร้อง กคส. เผยแพร่ข้อมูลการไกล่เกลี่ย ศาลปกครองสูงสุดชี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ทั่วไป

จากกรณี ที่มีโทรศัพท์ร้องทุกข์ ผ่านรายการ “NBTรวมใจสู้ภัยโควิด” ทางสถานีโทรทัศน์ NBT 2HD เมื่อวันที่ ๒๔ เม.ย.๒๕๖๕ ที่ผ่านมา โดยผู้ร้องแจ้งว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้โพสต์ข้อมูลผิดพลาด ตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ และยังไม่ได้แก้ไข นั้น

นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพและโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก ผู้ร้องได้ขอให้ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (กคส.) ดำเนินการไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีให้จนสำเร็จ โดยคู่กรณีของผู้ร้อง ได้ชดใช้เงินให้จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท(หนึ่งแสนบาทถ้วน) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ต่อมาผู้ร้องได้สืบค้นข้อมูลส่วนตัวผ่านทางอินเตอร์เน็ต ปรากฏมีชื่อและนามสกุลเช่นเดียวกับผู้ร้องแต่ใช้คำนำหน้านามว่า “นาย” ผู้ร้องจึงเข้าไปดูรายละเอียดพบว่าเป็นข้อมูลของผู้ร้องที่ได้ขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นการจัดกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเรื่องหนี้สิน

โดยผู้ร้องอ้างว่า เรื่องของผู้ร้องไม่ใช่กรณีเรื่องหนี้สิน แต่เป็นเรื่องชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ร้องเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ โดย กคส. ได้แก้ไขข้อมูลตามที่ ผู้ร้องแจ้งและปกปิดข้อมูล พร้อมได้มีหนังสือแจ้งผู้ร้องทราบแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ต่อมาผู้ร้องได้ยื่นฟ้อง ยธ. และ กคส. เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ต่อศาลปกครอง ตามคดีหมายเลขดำที่ ๗๑๔/๒๕๖๐ คดีหมายเลขแดงที่ ๙๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออก และศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย โดยเห็นว่า การเผยแพร่ข้อมูลของ กคส.เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่กิจกรรมหรือผลงาน ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตอันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทั่วไป จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น(ศาลปกครองกลาง) ตามคำร้องที่ คร.๙๗/๒๕๖๐ คำสั่งที่ คร ๔๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวต่อว่า ข้อมูลตามที่ผู้ร้องอ้างถึงนั้น อาจเคยปรากฎในเว็บไซต์ของ กคส. ซึ่งเป็นเว็บไซต์เดิมและได้ลบข้อมูลออกจากระบบไปนานแล้ว รวมทั้ง กคส.ได้ปิดการใช้งานเว็บไซต์เดิม ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี จนท.คอมพิวเตอร์ ของ กคส. ได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อค้นหาว่าข้อมูลจะอยู่ในลักษณะแคช ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลของระบบ google หรือ search engine อื่นหรือไม่ โดยไม่พบข้อมูลดังกล่าวบนระบบเว็บไซต์ของ กคส.แล้ว หรือภายหลังหากพบว่ามีข้อมูลอยู่ใน search engine อื่น กคส.จะได้แจ้งแหล่งข้อมูลนั้นดำเนินการแก้ไขต่อไป