ในวันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ COVID-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 12/2565 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ว่า วันนี้ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่เพิ่ม จึงมีเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 137 แห่ง และเรือนจำสีแดง 5 แห่ง โดยแบ่งเป็นเรือนจำระบาดใหม่ 3 แห่ง และเรือนจำที่กำลังอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรคอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าเรือนจำทั้งหมดจะพ้นจากการระบาดได้ในระยะต่อไป
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 18 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับเข้าใหม่จากภายนอกทั้ง 18 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 623 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 77.5% กลุ่มสีเหลือง 21.9% และกลุ่มสีแดง 0.6% มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 90,620 ราย หรือ 96.5% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 93,898 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 203 ราย หรือ 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด และในส่วนของการดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังนั้นปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 242,265 ราย หรือคิดเป็น 91.36% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 265,176 ราย
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโดยทั่วไปยังคงไม่น่าเป็นห่วง และยังสามารถดูแลและรักษาผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การประสานความร่วมมือจากโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อตรวจคัดกรอง คัดแยก และรักษา พร้อมทั้งการสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์อย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วจนสามารถลดผู้ป่วยอาการหนักและลดการเสียชีวิตลงได้อย่างมีประสิทธิผล พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้เรือนจำที่พบการระบาด เร่งจัดเตรียมและดำเนินการตามแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือแผน EXIT โดยเร็ว เพื่อให้เรือนจำสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติในการควบคุมและรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ต่อไป
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2565 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 117 ราย และอยู่ระหว่างการรักษาตัวรวมจำนวน 426 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 121 ราย เด็กและเยาวชน 305 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 13 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง โดยพบว่ามีการติดเชื้อ 43 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน จำนวน 3,265 ราย หรือคิดเป็น 90% จากทั้งหมด 3,621 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 4,002 ราย หรือคิดเป็น 93% จากทั้งหมด 4,296 ราย