กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัด “โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจ

วันที่ 4 เมษายน 2565 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัด “โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสำหรับสถานพินิจ ประจำปี 2565 และพิธีเชิดชูเกียรติกรรมการสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี 2563” โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน และให้เกียรติมอบโล่และประกาศเกียรติคุณกรรมการสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี 2563 จำนวน 24 ราย พร้อมทั้งปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การบูรณาการเครือข่ายภาคประชาสังคม กับความสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงยุติธรรม” โดยมี พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นผู้กล่าวรายงานต่อประธานในพิธี

พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ กล่าวความตอนหนึ่งว่า “วันนี้เป็นวันสำคัญที่กรมพินิจฯ จะต้องบันทึกไว้ การจัดพิธีเชิดชูเกียรติในครั้งนี้ จึงจัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความยินดี ชื่นชม และตอบแทนท่านกรรมการสงเคราะห์ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ที่ท่านได้เสียสละ อุทิศตน มีวิริยะ อุตสาหะ อาสาเข้ามาปฏิบัติงานในการช่วยเหลือ คุ้มครอง สงเคราะห์ และให้โอกาสเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การมอบรางวัลให้แด่กรรมการสงเคราะห์ดีเด่นประจำปี 2563 จำนวน 291 คน ซึ่งแบ่งเป็นกรรมการสงเคราะห์ดีเด่นระดับกรม 30 ราย กรรมการสงเคราะห์ดีเด่นระดับดีมาก 74 ราย และกรรมการสงเคราะห์ดีเด่นระดับดี 115 ราย

นอกจากนี้กรมพินิจฯ ได้ยกระดับความร่วมมือในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนให้สังคมได้รับรู้ จึงตัดสินใจให้วันที่ 3 กรกฎาคม ของทุกปี เป็น “วันกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน” โดยยึดโยงจากวันที่พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ 3 กรกฎาคม 2494 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการปรากฏคำว่า “กรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน” เป็นลายลักษณ์อักษรตามประวัติศาสตร์”

จากนั้นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติมอบโล่และประกาศเกียรติคุณกรรมการสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี 2563 แด่กรรมการสงเคราะห์ดีเด่น จำนวน 24 ราย พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ความตอนหนึ่งว่า

“ตนขอชื่นชมในความมุ่งมั่นและความทุ่มเทเสียสละในการดูแลเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งยังช่วยเหลือภารกิจของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการคืนคนดีสู่สังคม กรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน นับเป็นเครือข่ายความร่วมมือที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งกรมพินิจฯได้สรรหากรรมการสงเคราะห์จากผู้ที่มีความหลากหลายทางวิชาชีพ เช่น ข้าราชการบำนาญ เจ้าของกิจการ นักธุรกิจ นักวิชาการ ปราชญ์ชุมชน โดยกรรมการสงเคราะห์ทุกคนมีความเข้มแข็ง ทุ่มเท เสียสละ ช่วยเหลือภารกิจของกรมพินิจฯ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อกระทำผิดก็ได้ช่วยเหลือในการประสานไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกับผู้เสียหาย จนเด็กและเยาวชนได้รับโอกาสในการแก้ไขตนเองโดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมถึงการเข้าเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ ให้คำแนะนำจัดอบรมหลักสูตรการฝึกอาชีพ การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ทั้งยังประสานส่งต่อและรับเข้าทำงาน และติดตามดูแลให้การช่วยเหลือต่อเนื่องหลังปล่อยตัว เพื่อให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้มีอาชีพที่มั่นคง มีชีวิตที่ดี และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ

ซึ่งจากสถิติการกระทำผิดซ้ำของเด็กและเยาวชนตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน พบว่าร้อยละ 80 ของการกระทำความผิดซ้ำเกิดขึ้นในคดียาเสพติด ดังนั้นตนจึงให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด ทั้งการจับกุม ตัดวงจรผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้มาตรการยึดทรัพย์เป็นเครื่องมือหลักและการพัฒนา บำบัด แก้ไขผู้เสพยาอย่างมีประสิทธิภาพ การลดปัญหาการกระทำผิดซ้ำในเด็กและเยาวชน โดยเราต้องร่วมมือร่วมใจและภาคประชาสังคมต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เพื่อให้การปราบปรามมีความเข้มข้น ทำให้ในชุมชนของพวกท่านมียาเสพติดให้น้อยที่สุด

นอกจากนี้กระทรวงยุติธรรมยังให้ความสำคัญในการทำหน้าที่ของกรรมการสงเคราะห์ จึงมีการพัฒนานำเทคโนโลยีมาช่วยรวบรวมข้อมูลผลงานการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้กรรมการทุกท่านสามารถบันทึกข้อมูลและตรวจสอบผลการดำเนินงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยการบันทึกข้อมูลในระบบดังกล่าว จะนำไปสู่การพิจารณาคัดเลือกผลงานกรรมการสงเคราะห์ดีเด่น ผมขอขอบคุณกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนทุกท่าน ที่ได้ดูแล ช่วยเหลือเสียสละเวลาและทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเด็กและเยาวชน ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ากรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชนทั่วประเทศทั้ง 2,961 คนนี้ จะเป็นกำลังในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงยุติธรรมในการคืนคนดีสู่สังคม และทำให้เป็นสังคมแห่งการให้โอกาส เป็นสังคมแห่งความเอื้อเฟื้อและสามัคคี และผมหวังว่าเราจะจับมือเดินไปด้วยกันแบบนี้ตลอดไป”

สำหรับการจัดโครงการดังกล่าว จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 4-5 เมษายน 2565 มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิให้เกียรติบรรยายตลอดการอบรม โอกาสนี้คณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงยุติธรรม นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจฯ

(1) นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจฯ

(2) นางนลินนาถ ไกรนรา รองอธิบดีกรมพินิจฯ

(3) หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกรมพินิจฯ กรรมการสงเคราะห์ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการด้วย ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร