เยาวชนโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) พบบิ๊กแรงงาน

วันนี้ (2 เมษายน 2562) เวลา 11.00 น. ที่ห้องรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน ตัวแทนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) จำนวน 30 คน เข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อขอบคุณกระทรวงแรงงานที่ได้ให้การส่งเสริมสนับสนุนให้มีโอกาสได้เข้าทำงานในสถานประกอบการควบคู่ไปกับการศึกษาต่อในสถานศึกษา โครงการ 3 ม. เป็นการบูรณาการร่วมกันในรูปแบบ “ประชารัฐ” กล่าวคือ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนภาคแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ประสานและประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน นักศึกษากลุ่มเป้าหมายได้รับทราบความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ 3 ม. ขณะเดียวกันสถานประกอบการก็จะร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานที่รับสมัคร รวมทั้งชี้แจงความมั่นคงของงาน เงินเดือน และสวัสดิการต่าง ๆ รวมทั้งจัดสรรให้พนักงาน/ลูกจ้าง ได้มีโอกาสในการศึกษาต่อเพื่อการพัฒนาตนเองในระดับที่ตลาดแรงงานต้องการ ขณะที่สถานศึกษาจะจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของ แรงงานและสถานประกอบการ เพื่อให้ผู้ทำงานสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งยังเพิ่มศักยภาพและผลิตภาพแรงงานอีกด้วย

โครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา มีงานที่มั่นคง สร้างรายได้ให้กับตนเอง และครอบครัว รวมทั้งได้มีโอกาสในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ได้เข้าทำงานจริงในสถานประกอบการขนาดใหญ่ควบคู่ไปกับการศึกษาต่อในสถานศึกษา ช่วยให้มีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น มีรายได้ระหว่างเรียนโดยการฝึกอาชีพหรือทำงานในสถานประกอบการและได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน ลูกจ้างของสถานประกอบการ ได้รับเงินเดือน ค่าจ้างประจำ นอกจากนี้ บริษัทยังให้การสนับสนุนนักศึกษาในโครงการ 3 ม. ได้ศึกษาต่อในระดับ ปวส. ถึงปริญญาตรี หลังจบการศึกษาเพื่อจะได้ปรับอัตราค่าจ้าง ตำแหน่งงานในระดับสูงขึ้น สร้างโอกาสก้าวหน้าตามความสามารถในสายงานของตน รองรับตลาดแรงงานเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0

ทั้งนี้ ตัวแทนผู้ที่สำเร็จการศึกษาตามโครงการ 3 ม.ทั้ง 30 คนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทฟู้ดแพชชั่น จำกัด ประกอบกิจการร้านอาหารประเภทปิ้งย่าง ในนาม “Bar B Q plaza” มีสาขา 150 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสาขาจะตั้งอยู่ในศูนย์การค้าและห้างค้าปลีก ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 115 คน แบ่งเป็น 1. อยู่ระหว่างการศึกษา ระดับปวส. จำนวน 45 คน 2. สำเร็จการศึกษา จำนวน 70 คน จากวิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจ ปวช. สาขาการตลาด จำนวน 14 คน และจากวิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณาบริหารธุรกิจ จำนวน 56 คน เป็นระดับ ปวช. สาขาโลจิสติกส์ 14 คน และ ปวส. สาขาธุรกิจค้าปลีก 42 คน โดยบริษัทฯ ออกค่าใช้จ่ายในการเรียนให้ทั้งหมด หลักสูตร 2 ปี เรียนครึ่งวันทุกวันพุธและพฤหัสบดี หลังจากนั้นช่วงบ่ายเข้าทำงานต่อ

รมว.แรงงาน กล่าวถึงประโยชน์ของโครงการว่า ประชาชนทั่วไป/ผู้หางาน/นักเรียน นักศึกษาที่ขาดโอกาสที่จะศึกษาต่อจะได้มีงานทำ มีรายได้ และได้รับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ได้รับประสบการณ์และทักษะจากการทำงาน เกิดความรักและทัศนคติที่ดีต่อองค์กร มีระเบียบ วินัย และมีความรับผิดชอบ ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ขณะเดียวกันสถานประกอบการได้แรงงานที่มีความรู้ ความสามารถตรงตามต้องการ มีโอกาสสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษา เพื่อสถานศึกษาจะได้นำไปปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนในการผลิตนักเรียน นักศึกษาตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ช่วยสร้างภาพพจน์ที่ดีแก่สถานประกอบการ

ในปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 – กันยายน 2561) มีประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 3,284 คน จากเป้าหมายจำนวน 3,100 คน ได้รับการบรรจุงาน จำนวน 1,769 คน และในปี 2562 เป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3,600 คน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – เดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 850 คน ได้รับการบรรจุงานแล้ว จำนวน 176 คน รมว.แรงงาน กล่าว