รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาและบูรณาการแนวทางการพัฒนา การคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาและบูรณาการแนวทางการพัฒนา การคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำ เพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนา Yacht Club / Marina และชายฝั่งทะเลเพื่อการท่องเที่ยว

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพิจารณาและบูรณาการแนวทางการพัฒนาการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำ ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาแนวทาง การพัฒนา Yacht Club / Marina และชายฝั่งทะเลเพื่อการท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่ล้าสมัย เพื่อให้การพัฒนาเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมี นางสาวรัชนีพร ธิติทรัพย์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า นายมนตรี เดชาสกุลสม รองอธิบดีกรมทางหลวง ผู้แทนจากกรมทางหลวงชนบท และการท่าเรือแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม

นายชยธรรม์ พรหมศร กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายเมื่อคราวลงพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งรองอธิบดีกรมเจ้าท่าได้รายงานผลการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคของโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ต้องการพัฒนาในด้านชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สามารถจะดำเนินการได้ โดยกรมเจ้าท่า (จท.) มีแผนดำเนินงานโครงการที่จอดยอร์ชมารีน่าร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการเดินทางด้วยเรือยอร์ช และมีกำลังการใช้จ่ายในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำให้เป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาและบูรณาการแนวทาง การพัฒนาการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำ โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานคณะกรรมการฯ ทำหน้าที่พิจารณาแนวทาง/แผนการพัฒนา Yacht Club/ Marina ระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมทั้งแผนการพัฒนาชายฝั่งทะเลเพื่อการท่องเที่ยว แผนการเพิ่มศักยภาพ/บทบาทของ จท. ในฐานะผู้ควบคุม (Regulator) การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่ล้าสมัย และบูรณาการแผนดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งการดำเนินงานด้านอื่น ๆ เช่น โลจิสติกส์ทางน้ำ การเชื่อมโยงชายฝั่งทะเล และท่าเรือต่าง ๆ ที่บูรณาการเพื่อตอบโจทย์การเชื่อมต่อระหว่างโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ไปยังภาคใต้ โดยใช้การขนส่งชายฝั่งแทนการขนส่งทางถนน และการเสริมทรายชายหาด เป็นต้น

ทั้งนี้ จท. ได้รายงานข้อมูลโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งทางน้ำและสถานการณ์เรือท่องเที่ยวในปัจจุบัน รวมทั้งแนวคิดการพัฒนาโครงการบางเสร่โมเดล และแผนงานโครงการที่ขอรับการสนับสนุนในปี 2566 ได้แก่ โครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งทางทะเล (Maritime Hub) และการพัฒนาท่าเรือชุมชน โครงการศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญกีฬา (Marina) บริเวณชายฝั่งอ่าวไทย และการพัฒนาฟื้นฟูชายหาด (เสริมทราย) เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จที่ชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี และอยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างจ้างเหมาเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 มีความก้าวหน้าร้อยละ 34.33 กำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายน 2565

ในส่วนโครงการศึกษาวางแผนแม่บทและสำรวจออกแบบเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะสนับสนุนการท่องเที่ยวชายหาดชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี มีความก้าวหน้าร้อยละ 59.80 กำหนดแล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2565 และโครงการศึกษาวางแผนแม่บทและสำรวจออกแบบเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะสนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณเขาหลักถึงแหลมปะการัง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีความก้าวหน้าร้อยละ 51.95 กำหนดแล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่ง จท. มีโครงการที่ขอรับงบประมาณในปี 2566 – 2567 ได้แก่ โครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 2 โครงการเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะสนับสนุนการท่องเที่ยว ชายหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ระยะที่ 1 และโครงการเสริมทรายชายหาดหัวหิน ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งปลัดกระทรวงคมนาคมได้มอบให้ฝ่ายเลขาประสานข้อมูลเพิ่มเติมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการประชุมคราวต่อไป