“วราวุธ” ไม่หยุด ลุยเข้มลงพื้นที่เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ติดตามแก้ไฟป่า หมอกควัน ปี 65 พร้อมเตรียมงานเฉลิมพระเกียรติฯ 90 พรรษา พระพันปีหลวง

รมว.ทส. วราวุธ ศิลปอาชา ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ปี 65 ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมติวหนักทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้งานเฉลิมพระเกียรติฯ 90 พรรษา พระพันปีหลวงออกมายิ่งใหญ่ สมพระเกียรติฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ว่าในช่วงวันเสาร์ที่ 19 และวันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค. 65 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ณ จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน รวมทั้งเป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อม “โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา” ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จ.เชียงใหม่

โดยในวันที่ 19 มี.ค. นายวราวุธ พร้อมคณะได้เป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดประชุมในช่วงเช้า ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) ทส. อำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมมีการถ่ายทอดผ่านระบบ VDO Conference ไปยังหน่วยงานในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ได้เน้นย้ำถึงความห่วงใยและการให้ความสำคัญของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง และขอกำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยยกระดับการทำงานเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไข และควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในทุกมิติ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และ แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 “1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ” และได้กำชับให้ยกระดับการทำงานเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไข และควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในทุกมิติ อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัดอย่างเต็มที่ ให้ศูนย์ปฏิบัติการ ทส. (ส่วนหน้า) กำกับการวางกลยุทธ์ป้องกัน ควบคุม และดับไฟป่า การเคลื่อนย้ายสรรพกำลัง การประสานงานสนธิกำลังกับหน่วยงานท้องถิ่นและท้องที่อย่างใกล้ชิด และดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานอย่างสูงสุด รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือทุกประเภท ให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ตลอดจนระดมเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ในสังกัดกระทรวงฯ สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในทุกระดับ

พร้อมกันนี้ รมว.ทส. ยังได้มอบหมายให้ขยายการดำเนินงานโครงการ “ชิงเก็บ ลดเผา” บริหารจัดการเชื้อเพลิงให้ครอบคลุมพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร พื้นที่ชุมชน และพื้นที่ริมทาง เป้าหมายรวม 3,000 ตัน และเร่งรัดการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท SCG กับ ทส. ให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างรายได้และแรงจูงใจให้เกิดความร่วมมือ ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ให้มีสภาพดี พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ส่วนกรณี ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ให้กรมควบคุมมลพิษประสานประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด ดำเนินการตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะการบรรจุเป้าหมายลดจุดความร้อน (Hot Spot) ในอาเซียนได้ร้อยละ 20 รวมถึง ให้ชี้แจงและขอความร่วมมือประเด็นหมอกควันข้ามแดนในเวทีการประชุมต่าง ๆ ด้วย

สำหรับในช่วงบ่ายของวันที่ 19 มีนาคม 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. และคณะผู้บริหาร ทส. ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ณ อุทยานแห่งชาติสาละวิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เร่งรณรงค์สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มคนจุดไฟเผาป่า ที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างความเข้าใจ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งประชาชน และภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว โดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับกลุ่มผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนเผาป่าในช่วงห้ามเผา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และในโอกาสนี้ รมว.ทส. ได้มอบเสบียงอาหาร ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมพบปะพูดคุยกับกลุ่มเครือข่ายชุมชน ตลอดจนร่วมทำแนวกันไฟ และกิจกรรม ชิงเก็บ ลดเผา อีกด้วย

ส่วนช่วงเช้าของวันที่  20 มี.ค. 65 รมว.ทส. ได้เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา โดยนายวราวุธได้เน้นกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสมานฉันท์สามัคคี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่เยาวชนและประชาชน และร่วมฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของประเทศ

ทั้งนี้ นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทส. ได้กำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online ภายใต้กิจกรรมต่าง ๆ ที่จะมีการจัดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2565 อาทิเช่น การปลูกต้นไม้หายากในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศตามที่กำหนด การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การจัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา รวมถึงการอบรมด้านวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ด้านนายจุตพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. กล่าวเพิ่มเติมว่า “สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ ได้รับการจัดตั้งในปี 2535 ถือเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และในปี 2537 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พระราชทานพระราชาอนุญาตให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกที่ อำเภอแม่ริม ว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ Queen Sirikit Botanic Garden”

ดังนั้นในการจัดงานเปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา อย่างเป็นทางการ หน่วยงานในสังกัด ทส. ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือร่วมใจจัดงานให้สมพระเกียรติ และขอให้ทุกคนร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อด้านป่าไม้และสิ่งแวดล้อม นายจตุพร กล่าว