ไทยร่วมประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (CND) สมัยที่ 65แถลงตอบรับนโยบายยาเสพติดโลกด้วยประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่

ไทยร่วมประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (CND) สมัยที่ 65แถลงตอบรับนโยบายยาเสพติดโลกด้วยประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นำเสนอแนวทางพัฒนาทางเลือก พัฒนาอาชีพ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 เวลา 16.00 น. – วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2565 เวลา 02.00 น. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ 65 ในรูปแบบการประชุมทางไกล (online) ถ่ายทอดจากศูนย์การประชุมนานาชาติเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในห้วงระหว่างวันจันทร์ที่ 14 – วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565 โดยมีเอกอัครราชทูตกิแล็ง ดฮ็อป (H.E. Mr. Ghislain D’Hoop) ผู้แทนถาวรเบลเยียมประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา เป็นประธาน

การประชุม CND เป็นการประชุมสำคัญระดับนโยบายยาเสพติดโลก มีกำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย โดยในปีนี้เป็นการประชุม สมัยที่ 65 มุ่งเน้นการติดตามการดำเนินการตามปฏิญญารัฐมนตรี ค.ศ. 2019 (2019 Ministerial Declaration) ภายใต้พันธกรณีร่วมในการจัดการและต่อต้านปัญหายาเสพติดโลก รวมถึงการลงคะแนนเสียงต่อข้อเสนอขององค์การอนามัยโลกในการเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมสารเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

ในพิธีเปิดการประชุมฯ ซึ่งนางฆอดะฮ์ วาลี (Ms. Ghada Waly) ผู้อำนวยการบริหาร UNODC ได้กล่าวถึงช่วงเวลาที่โลกต้องเผชิญกับวิกฤติและปัญหาความท้าทายต่าง ๆ โดยต้องเสริมสร้างความร่วมมือและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ท่ามกลางวิกฤติสิ่งแวดล้อมและการแพร่ระบาดของ COVID-19 ปัญหายาเสพติดโลกก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางมากยิ่งขึ้น ทำให้หันไปพึ่งพายาเสพติดได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกและทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในห้วงเวลาวิกฤติดังกล่าว รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงยารักษาโรคที่จำเป็น ซึ่งมีส่วนประกอบของสารที่อยู่ภายใต้การควบคุม

และเมื่อเวลา 00.15 น. ของวันอังคารที่ 15 มีนาคม 2565 เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวถ้อยแถลง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในหัวข้อ “การกลับมาอย่างเข้มแข็งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างเต็มศักยภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. 2030” โดยมีประเด็นสำคัญ คือ คำมั่นของประเทศไทยในการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยคำนึงถึงหลักความเท่าเทียม เคารพซึ่งกันและกันและความรับผิดชอบร่วม การสนับสนุนบทบาทของ CND ในการกลับมาอย่างเข้มแข็ง ตลอดจนนำเสนอการปฏิรูปกฎหมายยาเสพติดของประเทศไทย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ซึ่งมีความสอดคล้องกับเอกสารผลลัพธ์ของ UNGASS 2016 และแผนระยะ 5 ปี (2566 – 2570) ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการบำบัดรักษาในระบบสมัครใจ การยึดทรัพย์สินด้วยมาตรการริบทรัพย์สินตามมูลค่า การควบคุมเคมีภัณฑ์ โดยการพัฒนาระบบข้อมูลเคมีภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาทักษะของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ห้องปฏิบัติการ และหน่วยงานด่านหน้าตามแนวชายแดน ตลอดจนได้แสดงเจตนารมณ์ลงสมัครสมาชิก CND (วาระปี 2024-2027)
พร้อมผลงานสำคัญด้านการพัฒนาทางเลือก และการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ

นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ยังได้ ร่วมจัดกิจกรรมคู่ขนานในหัวข้อ Youth Vaccination: Equipping to Build Youth’s Life Immunity to Cope with Changes and Risky Behaviour ซึ่งจัดโดยประเทศไทย โดยมูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ณ ห้องประชุมอาคารปฏิบัติการ 1 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง และในรูปแบบการประชุมทางไกล (online) โดยมี พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรีและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นผู้กล่าวนำการอภิปราย ซึ่งเน้นย้ำบทเรียนการพัฒนาทางเลือกอย่างยั่งยืนตามแนวทางโครงการหลวงผ่านประสบการณ์กว่า 50 ปี บนหลักการ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมุ่งเน้นคนเป็นศูนย์กลาง ผ่านการเสริมสร้างให้คนบนพื้นที่สูงมีภูมิคุ้มกัน พึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนในพื้นที่โครงการ ตามแนวนโยบายของมูลนิธิโครงการหลวง “การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดโอกาสทางสังคม

กิจกรรมคู่ขนานนี้ดำเนินการอภิปรายโดย ศ. เกียรติคุณพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ เกี่ยวกับโครงการวัคซีนวัยรุ่น โดยมีผู้แทนเยาวชนจำนวน 3 คน ร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง สำนักงาน ป.ป.ส. และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี

ทั้งนี้ ในห้วงการประชุม CND สมัยที่ 65 ประเทศไทย โดย มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ยังเป็นเจ้าภาพจัดนิทรรศการในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual Exhibition) ในหัวข้อ ถอดรหัสโครงการหลวง (Decoding the Royal Project) ภายในนิทรรศการ แบ่งออกเป็น 5 ส่วน เริ่มจากการนำเสนอความเป็นมาของโครงการหลวง เส้นทางกว่า 50 ปี ในการแก้ปัญหาการปลูกฝิ่น การนำเสนอตัวอย่างผลิตผลเกษตรของโครงการหลวง แหล่งรายได้ทดแทนฝิ่นของชาวไทยภูเขา เรื่องราวของการส่งต่อรูปแบบการพัฒนาพื้นที่สูงตามแบบโครงการหลวง ไปยังประเทศต่าง ๆ และแนวทางการพัฒนาอาชีพให้แก่กลุ่มคนผู้ด้อยโอกาส ตามหลักการ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตลอดจนการขับเคลื่อนสถาบันการเรียนรู้ด้านการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืนตามแนวทางโครงการหลวง ซึ่งถือเป็นการเผยแพร่แนวทางการดำเนินงานด้านการพัฒนาทางเลือกที่ประสบความสำเร็จของประเทศไทย อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ต่อไป

———————