พาณิชย์ จับมือ สาธารณสุข ดันสมุนไพรไทยครองตลาดสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ

พาณิชย์ จับมือ สาธารณสุข ดันสมุนไพรไทยครองตลาดสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ เร่งสร้างมูลค่า..เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว หรือ 360,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 พร้อมประสานเอกชนต่อยอดผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้มีความหลากหลายครอบคลุมความต้องการประชาชน

                กระทรวงพาณิชย์ จับมือ กระทรวงสาธารณสุข ดันสมุนไพรไทยครองตลาดสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ เน้นทำการตลาดทุกช่องทางเพื่อเพิ่มยอดขายทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพร พร้อมเปลี่ยนมุมมอง-สร้างการรับรู้-สร้างความเชื่อมั่นในคุณค่าของสมุนไพรไทยแก่ผู้บริโภค เตรียมประสานภาคเอกชนต่อยอดผลิตภัณฑ์นำสมุนไพรไทยมาเป็นส่วนผสมของยารักษาโรค เวชสำอาง ฯลฯ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย มั่นใจ…สามารถสร้างมูลค่า…เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว หรือ 360,000 ล้านบาท ภายในปี 2564   

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดแก่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการแบ่งงานตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละกรมฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในประเทศ/ต่างประเทศและสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด เช่น การเชื่อมโยงผู้ผลิตไปยังผู้ซื้อ การเจรจาจับคู่ธุรกิจ การออกงานแสดงสินค้า การนำผลิตภัณฑ์ฯ จำหน่ายในสนามบินนานาชาติและห้างโมเดิร์นเทรด ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ จะได้สร้างการรับรู้เพื่อเปลี่ยนมุมมอง/สร้างความเชื่อมั่นในคุณค่าของสมุนไพรไทยแก่ผู้บริโภค พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายเพื่อพร้อมนำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการด้วยความมั่นใจ”

“ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขผลักดันสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักและเจาะตลาดสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางการตลาดให้มีความหลากหลายและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งถือว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สมุนไพรของไทย รวมทั้ง เป็นการลดการนำเข้ายาบางประเภทที่สามารถใช้สมุนไพรไทยทดแทนได้ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าทั้งในส่วนของวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว หรือ 360,000 ล้านบาท ภายในปี 2564”

อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการ 2 ส่วน ประกอบด้วย 1) เพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ คือ ออนไลน์ : นำสินค้า/ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยขึ้นจำหน่ายในเว็บไซต์ “ของดีทั่วไทย” (www.kongdeetourthai.com) และแพลตฟอร์มของหน่วยงานพันธมิตรภายใต้แคมเปญ “ของดีออนไลน์ by DBD” ผ่านทาง Shopee ในส่วนของออฟไลน์ : นำสินค้า/ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไปจำหน่าย ณ ร้านจำหน่ายสินค้าโอทอปของกระทรวงพาณิชย์บนท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศไทย 3 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว กรมการแพทย์แผนไทยฯ จะดำเนินการคัดเลือกผลิตภัณฑ์/ผู้ประกอบธุรกิจสมุนไพรไทยที่มีคุณภาพและมีศักยภาพส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อนำกลุ่มผู้ประกอบการดังกล่าวเข้าสู่ช่องทางการตลาดของกรมฯ ต่อไป”

“2) กรมฯ ได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจบริการสุขภาพ เช่น สปา นวดแผนไทย ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ร้านอาหาร ฯลฯ มาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดหลักสูตรด้านการบริหารจัดการและการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ  เบื้องต้นสามารถเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับสมุนไพรไทยเพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปต่อยอดสินค้า/ผลิตภัณฑ์หรือที่เกี่ยวข้องกับกิจการให้มีความน่าสนใจและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะสนับสนุนวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรไทยมาเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการข้างต้น”

“นอกจากนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ เตรียมประสานภาคเอกชนในการนำสมุนไพรไทยไปต่อยอดพัฒนาเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความหลากหลาย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สมุนไพรไทย เช่น นำไปเป็นส่วนผสมของยารักษาโรค เวชสำอาง ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งประชาชนสามารถใช้เป็นทางเลือกในการรักษาโรคหรือเสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่ตนเองและครอบครัว”

“ทั้งนี้ รัฐบาลได้เห็นความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยกำหนดให้“สมุนไพร”เป็นเป้าหมายหนึ่งในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศอย่างครบวงจร ทั้งผลิตผลของสมุนไพร อุตสาหกรรม และการตลาดสมุนไพรในระดับสากล การส่งเสริมการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริหารนโยบายของภาครัฐ ทำเกิดเป็นแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ.2560 – 2564 ซึ่งผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา โดยได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติพร้อมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บท ฯ อีก 6 คณะ ดำเนินงานบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ 9 กระทรวง โดยกระทรวงพาณิชย์อยู่ในคณะอนุกรรมการด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีหน้าที่ในการพัฒนาอุตสาหกรรม/การตลาดของผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ซึ่งเป็นภารกิจด้านการส่งเสริมการตลาดโดยเฉพาะ” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

*****************************************

ที่มา : กองธุรกิจบริการ