พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ เดินหน้าสร้างอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเป็นกลไกการเฝ้าระวังและคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุที่ถูกละเมิด กระทำความรุนแรง และได้รับผลกระทบจากการให้บริการของสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน
นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า จากความห่วงใยในสถานการณ์ปัจจุบันกรณีผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญกับปัญหาการถูกล่วงละเมิดหรือกระทำความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำต่อร่างกาย จิตใจ หรือทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) การล่วงละเมิดหรือกระทำความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ มีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความตึงเครียดของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ สภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักงัน รวมไปถึงการเลือกปฏิบัติต่อผู้สูงอายุ
ปัญหาความรุนแรงและการละเมิดสิทธิผู้สูงอายุที่พบบ่อยที่สุดคือ ปัญหาความรุนแรงด้านจิตใจเช่น การใช้วาจาน้ำเสียงไม่สุภาพ การทะเลาะเบาะแว้ง ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุเสียใจจนบางครั้งผู้สูงอายุรู้สึกว่าลูกหลาน ไม่เข้าใจ ไม่มีเวลาให้ และไม่เป็นคนสำคัญในครอบครัว ปัญหาการทอดทิ้งไม่ดูแล ปัญหาความรุนแรงจากการถูกเอาประโยชน์ด้านทรัพย์สิน โดยคนในครอบครัว หรือถูกหลอกให้ทำธุรกรรมต่าง ๆ ปัญหาความรุนแรงในการถูกทำร้ายร่างกาย รวมถึง ปัญหาความรุนแรงทางเพศ โดยการถูกล่วงละเมิดทางเพศจากคนใกล้ชิดในครอบครัว หรือชุมชน และ มักเกิดกับผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวเพียงลำพัง นอกจากนี้ยังพบการถูกละเมิด หรือกระทำความรุนแรงกับผู้สูงอายุในสถานประกอบการตามที่มีการนำเสนอข่าวสื่อต่างๆ
จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เห็นความสำคัญของการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วม ในการดูแลผู้สูงอายุ จึงได้จัดการประชุม เชิงปฏิบัติการเสริมสร้างกลไกการเฝ้าระวังและคุ้มครองดูแลผู้สูงอายุ ที่ถูกละเมิด กระทำความรุนแรง และได้รับผลกระทบจากการให้บริการของสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ผ่านระบบออนไลน์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นกลไกเครือข่ายชุมชนที่สำคัญของกระทรวง พม. ให้มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการดูแลผู้สูงอายุ ในชุมชน การเยี่ยมเยียนครอบครัวของผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการป้องกันและเฝ้าระวังดูแลผู้สูงอายุในชุมชนของตน รวมถึงการให้บริการของสถานดูแลผู้สูงอายุเอกชนที่อยู่ใกล้เคียงชุมชน ซึ่งหากพบการกระทำความรุนแรงและละเมิดสิทธิผู้สูงอายุ สามารถประสานงานช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเหมาะสมอันเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีสวัสดิภาพ มีศักดิ์ศรี สามารถดำรงชีวิตอยู่ในชุมชนได้อย่างมีความสุขต่อไป