รมว.ยุติธรรม เร่งกรมคุ้มครองสิทธิฯ เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหยื่อคดีอาญา หลัง สตช.ช่วยส่งรายชื่อในกทม.ให้ 2,233 ราย

รมว.ยุติธรรม เร่งกรมคุ้มครองสิทธิฯ เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเหยื่อคดีอาญา หลัง สตช.ช่วยส่งรายชื่อในกทม.ให้ 2,233 ราย เผยยอดเยียวยาไปแล้ว 36.72% ชี้ต้องลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกประชาชนไม่ควรต้องยื่นเรื่องเอง ย้ำงบช่วยเหลือ 400 ล้านบาท ต้องใช้ให้หมดห้ามเหลือ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม มีการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขา รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่างๆ และผู้บริหาร เข้าร่วมการประชุม โดยที่ประชุมได้มีการรายงานผลการเบิกจ่ายเงินผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาในปีงบประมาณ 2565 ถึงขณะนี้เบิกจ่ายไปแล้ว 2,798 ราย เป็นเงิน 146,870,985.59 บาท คิดเป็นร้อยละ 36.72 จากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรทั้งปีที่ 400 ล้านบาท โดยพื้นที่ กทม.ยื่นคำร้อง 649 ราย คิดเป็น 39.19%  ส่วนต่างจังหวัดอยู่ที่ 3,805 คน คิดเป็น 77.50 % กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตั้งเป้าหมายในการช่วยเหลือ 7,820 คน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้จัดส่งข้อมูลรายชื่อผู้เสียหายย้อนหลัง 1 ปี ในเขตพื้นที่ กทม. ที่เข้าหลักเกณฑ์รับเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พิจารณา 2,233 ราย ได้ดำเนินแล้ว 445 ราย ส่วนที่เหลือยังไม่เข้ามายื่นคำขอ ดังนั้นเราต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าพบรองผู้กำกับการสอบสวน 88 สถานี ในพื้นที่ กทม. เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการแจ้งสิทธิและการรับคำขอตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา สำรวจและคัดลอกข้อมูลการแจ้งสิทธิผู้เสียหายฯ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาช่วยประสานงานให้ผู้เสียหายมายื่นคำขอโดยตรงกับทางกรมคุ้มครองสิทธิฯ ช่วยกันทำให้การยื่นคำขอมีสถิติสูงขึ้นและลดการร้องเรียนพนักงานสอบสวน

“การทำงานของเราต้องทำเชิงรุกเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งการลงพื้นที่เชิงรุกต้องประสานขอเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อกับธุรการงานสอบสวน ในการประสานความร่วมมือและขอข้อมูลผู้เสียหายในพื้นที่ หลังจากลงพื้นที่เข้าพบรองผู้กำกับการสอบสวนของแต่ละสถานี ทำให้การยื่นคำขอ ผมได้เน้นย้ำให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกแห่ง ปฏิบัติงานเชิงรุก และประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามผู้เสียหายหรือเหยื่อให้มายื่นคำขอให้ได้มากที่สุด งบประมาณที่เรามีในการช่วยเหลือประชาชน 400 ล้านบาทต้องใช้ให้หมดห้ามเหลือ เราต้องนำบริการของ กระทรวงยุติธรรม ไปถึงมือประชาชน โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนมายื่นคำขอ เราพร้อมช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อให้เข้าถึงความยุติธรรมด้วยความสะดวก รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยหัวใจแห่งการบริการ” นายสมศักดิ์ กล่าว