ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม ร่วมเปิดงาน กับกกท. – สถาบันอนุญาโตตุลาการ จัดตั้งศูนย์ระงับข้อพิพาททางเลือกด้านกีฬาแห่งแรกของประเทศ

ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม ร่วมเปิดงาน กับกกท. – สถาบันอนุญาโตตุลาการ จัดตั้งศูนย์ระงับข้อพิพาททางเลือกด้านกีฬาแห่งแรกของประเทศ มุ่งหวัง สร้างมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นตัวแทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมพิธีเปิดตัวศูนย์การระงับข้อพิพาททางเลือกด้านการกีฬา และพิธีมอบประกาศนียบัตรผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรอนุญาโตตุลาการด้านการกีฬาคณะแรก ระหว่างสถาบันอนุญาโตตุลาการ กับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีนายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลากร และ นายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายบริหาร ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานในการเปิดงานดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการด้านการระงับข้อพิพาททางเลือกที่เกี่ยวกับการกีฬา อันจะช่วยให้เกิดความเที่ยงธรรมในการแข่งขันกีฬา คุ้มครองสิทธิประโยชน์ของนักกีฬา

โดยนายธนวัชร กล่าวมอบนโยบายว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการระงับข้อพิพาททางเลือกมาโดยตลอด ซึ่งได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์กระทรวงยุติธรรม 20 ปี (พ.ศ.2560-พ.ศ.2579) เพื่อผลักดันให้มีการปรับปรุงมาตรการหรือแก้ไขกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้อนุญาโตตุลาการและการประนอมข้อพิพาทขึ้น กระทรวงยุติธรรมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันของทั้งสองหน่วยงานในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาที่สำคัญของการระงับข้อพิพาทด้านการกีฬา โดยมุ่งเน้นให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานระดับสากล และยังช่วยดึงดูดให้บุคลากรทางกีฬา เช่น นักกีฬา สมาคมกีฬา สมาพันธ์ทางการกีฬา ต่าง ๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญและเลือกใช้กระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกเมื่อเกิดข้อพิพาททางการกีฬามากยิ่งขึ้น โดยตอนนี้เรามีการอบรมผู้เข้าร่วมรุ่นแรกไปแล้วทั้งหมด 12 คน

ด้าน นายเขมพล กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ระงับข้อพิพาทฯ ถือเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวงการกีฬาของบ้านเรา ทั้งการให้ความเป็นธรรม ความเท่าเทียมของนักกีฬา หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ฝึกสอน ตลอดจนสโมสรต่าง ๆ รวมทั้งยังเป็นการสร้างมาตรฐานทางการกีฬาเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลดีโดยรวมให้กับประเทศและในเวทีการแข่งขันระดับชาติ

ขณะที่ นายพสิษฐ์ ระบุว่า ปัจจุบันวงการกีฬาไทยมีความก้าวหน้าและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความสำเร็จของนักกีฬา รวมถึงกฎเกณฑ์การแข่งขัน หรือการตัดสินผลแพ้-ชนะในกีฬาสมัครเล่น และกีฬาอาชีพ ที่จัดแข่งในประเทศ และในเวทีระดับโลกที่มาตรฐานการแข่งขันมีความก้าวหน้า และปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อาจนำมาซึ่งข้อพิพาทในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกแขนง เช่น สัญญานักกีฬาอาชีพ การตัดสินชี้ขาดผลการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งกฎการควบคุมสารต้องห้าม ดังนั้นเราจึงควรยกระดับมาตรฐานวงการกีฬาให้ไปสู่มาตรฐานสากลให้ได้