พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

ในวันศุกร์ที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ณ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงจังหวัดนครพนม และลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจในการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็ง บ้านหนาด หมู่ที่ ๑ และ หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

เวลา ๑๐.๐๐ น. ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ณ กองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เพื่อพบปะ/ให้กำลังใจกำลังพลที่มีผลการดำเนินงานด้านการสกัดกั้นยาเสพติดดีเด่น พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และผลการดำเนินงาน และมอบนโยบายการดำเนินงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดบริเวณชายแดนให้กับหน่วยปฏิบัติงานยาเสพติดในพื้นที่ โดยมีนายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พลเรือตรี พิสิษฐ์ทองดีเลิศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พลตรี ทนงศักดิ์ กิตติศัพท์ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พลตำรวจตรี ฉลอง ภาคย์ภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๔ พลตำรวจตรี สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ร่วมรับการตรวจเยี่ยม

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “การดำเนินงานในปี ๒๕๖๑ รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจัง กำหนดให้เป็นปีแห่งการปราบปรามและต่อต้านยาเสพติด มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่แหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ พื้นที่ชายแดน พื้นที่ตอนใน โดยการแก้ไขปัญหาตามสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ ภายใต้แผนประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัยยาเสพติด ปี ๒๕๖๑ และแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน ปี ๒๕๖๑ ใน ๔ มาตรการ คือ ป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา และบริหารจัดการ ขอให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถตามบทบาทภารกิจ และเน้นย้ำการดำเนินงานที่สำคัญ คือ ๑. ให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินงาน มีการประสานความร่วมมือบูรณาการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะด้านการข่าว ๒. ให้หน่วยงานในระดับพื้นที่จัดทำแผนการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ รองรับแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน ปี ๒๕๖๑ ๓. ให้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราและเฝ้าระวังการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ เนื่องจากมีแม่น้ำโขงเป็นเขตแดนระหว่างประเทศ ทำให้การเดินทางข้ามไปมาระหว่างกันได้ง่าย มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังประเทศไทยได้ ๔. ให้เพิ่มความเข้มข้นการเฝ้าระวังการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามจุดตรวจ/จุดสกัด ในเส้นทางหลักและรอง จุดเสี่ยงต่างๆ ๕. ขยายผลการจับกุม เมื่อมีการจับกุมผู้ค้า ผู้ลำเลียงยาเสพติดได้ ให้มีการสอบสวนขยายผลไปถึงนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง และดำเนินการตรวจยึดทรัพย์สิน ๖. ต้องสร้างความร่วมมือกับประชาชน การสร้างเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อช่วยเหลือด้านการข่าวยาเสพติด โดยเฉพาะบริเวณชายแดน สร้างการรับรู้ ให้เฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการลักลอบลำเลียงยาเสพติด และ ๗. เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหมู่บ้านคู่ขนานชายแดนระหว่างประเทศ เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน”
*** เน้นย้ำการปฏิบัติงาน ขอให้ทุกหน่วยงานใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ***

เวลา ๑๓.๐๐ น. ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจในการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดหมู่บ้าน/ชุมชนเข้มแข็ง บ้านหนาดหมู่ที่ ๑ และหมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองนครพนม โดยมีนายสมชาย วิทย์ดำรง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พลตำรวจตรี สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายเอกราช มณีกรรณ์ นายอำเภอเมืองนครพนม และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จุดแตกหักของการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด อยู่ที่การสร้าง ความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน ต้องบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน ร่วมมือกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในลักษณะ “ประชารัฐ” โดยการดำเนินการต้องอาศัยผู้นำ แกนนำ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่เข้มแข็ง ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อช่วยเหลือด้านการข่าวยาเสพติด และขอให้ภาคประชาชนได้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและป้องกันยาเสพติดร่วมกับภาครัฐ เพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ไม่ส่งผลกระทบต่อลูกหลานที่เป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป