“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ ไม่พบการระบาดในเรือนจำแห่งใหม่เพิ่ม ขณะที่ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาหายแล้วกว่า 96.4%”

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ COVID-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 7/2565 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่เพิ่ม จึงมีเรือนจำสีขาว 127 แห่ง และเรือนจำสีแดง 15 แห่ง โดยเรือนจำสีแดงส่วนหนึ่งสามารถลดการระบาดและอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) รวม 6 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดอุทัยธานี เรือนจำอำเภอแม่สะเรียง ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น เรือนจำอำเภอหลังสวน เรือนจำจังหวัดระนอง และเรือนจำจังหวัดหนองคาย ซึ่งจะทยอยพ้นจากการระบาดอย่างต่อเนื่องในเร็ว ๆ นี้

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 98 ราย เป็นการพบในห้องแยกกักโรค 43 ราย และพบในเรือนจำสีแดง 55 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 942 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 89.8% กลุ่มสีเหลือง 10% และกลุ่มสีแดง 0.2% มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 86,164 ราย หรือ 96.4% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 89,601 ราย โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 15 จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 190 ราย หรือ 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมวันนี้ พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยทั่วไปยังคงที่ สามารถดูแลและรักษาผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่การดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังนั้นปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 249,211 ราย หรือคิดเป็น 91.36% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 272,769 ราย

ด้านทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่า มีการแพร่ระบาดของโรคอย่างรวดเร็วนั้น คาดว่าการติดเชื้อกว่า 90% เป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จึงทำให้มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางสถานพยาบาลเรือนจำ โรงพยาบาลแม่ข่าย รวมถึงสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ ได้เข้าดำเนินการตรวจคัดกรองทุกวัน พร้อมทั้งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้แก่ผู้ต้องขังที่อยู่ในความควบคุมดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถควบคุมการระบาดจนกลับมาปฏิบัติงานได้เป็นปกติได้ในเร็ว ๆ นี้

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 พบมีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัวเป็นจำนวน 16 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 10 ราย และเยาวชน จำนวน 6 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 47 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 6 แห่ง พบว่ามีการติดเชื้อ และ 3 แห่ง หมดสถานะ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 3,500 ราย หรือคิดเป็น 92% จากทั้งหมด 3,804 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,939 ราย หรือคิดเป็น 93.65% จากทั้งหมด 4,206 ราย