สำนักงาน ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินรายคดี นางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ กับพวก ตามคำสั่ง ย. 194/2564 รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท ไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหาย
ตามที่ คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 และครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวรายคดี นางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา อันเข้าลักษณะความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยประกาศลงข้อความหรือข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์เพื่อหลอกขายสินค้าโดยที่ไม่มีสินค้าอยู่จริง มีการโฆษณาเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่มีความเป็นจริง และลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นไปลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และมีเจตนาอำพรางตนโดยนำหมายเลขดังกล่าวนั้นไปรับโอนเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นเป็นทอดๆ ซึ่งลูกค้าหรือผู้สั่งซื้อสินค้าจะถูกผู้ขายหรือมิจฉาชีพกำหนดให้ต้องถ่ายภาพใบหน้าคู่กับบัตรประชาชนส่งให้กับผู้ขาย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นเงื่อนไขในการสั่งซื้อและให้ชำระเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขาย ก่อนล่วงหน้า โดยกำหนดให้ลูกค้าชำระเงินผ่านหมายเลขบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ตามแต่ผู้ขายจะแจ้งให้ทราบ เมื่อมีการโอนเงินชำระค่าสินค้าไปแล้ว ผู้ซื้อจะไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้อีกเลย ทั้งนี้ ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 167/2564 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ลงวันที่ 8 กันยายน 2564 คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 173/2564 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.194/2564 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2564 มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ ตามมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และสำนักงาน ปปง. ได้เปิดรับคำร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย จำนวน 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 20 กันยายน –19 ตุลาคม 2564 ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 5 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2564 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2564 – 7 มกราคม 2565 นั้น
สำนักงาน ปปง. ได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 และคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้สำนักงาน ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สิน ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 194/2564 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2564 จำนวน 62 รายการ (รถยนต์ BMW, เงินสด, ทองรูปพรรณ, เครื่องประดับ, กระเป๋า รองเท้า หมวก กล่องเปล่าแบรนด์เนม, กล้องถ่ายรูป, เครื่องคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์เคลื่อนที่, ตัวอย่างโทรศัพท์, กล่องเปล่าโทรศัพท์มือถือ, ซิมการ์ด และแฟลชไดร์ฟ) รวมมูลค่าประมาณ 2,199,024.46 บาท (สองล้านหนึ่งแสนเก้าหมื่นเก้าพันยี่สิบสี่บาทสี่สิบหกสตางค์)
พร้อมดอกผล ไปคืนหรือชดใช้แก่ผู้เสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินด้วยในคราวเดียวกัน ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยเป็นผู้เสียหายตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 167/2564 จำนวน 99 ราย ผู้เสียหายตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 173/2564 จำนวน 11 ราย และผู้เสียหายตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 194/2564 จำนวน 7 ราย รวมจำนวนผู้เสียหายที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิในรายคดีนี้ทั้งสิ้น 117 ราย
พลตำรวจตรี ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อยึดและอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว รวมทั้งคดีอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด ให้เกิดความเข้มข้นและเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและและเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถโทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน ปปง. 1710