ชป.ติดตามสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมใจประหยัด

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (10ก.พ.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 53,533 ล้าน ลบ.ม. (70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 29,596 ล้าน ลบ.ม. (57% ของความจุอ่างฯรวมกัน) ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 11,664  ล้าน ลบ.ม.   เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 12,709 ล้าน ลบ.ม. (51% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้ 6,013 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 3,179 ล้าน ลบ.ม.  สำหรับผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2564/65 ทั้งประเทศเพาะปลูกข้าวไปแล้ว 6.57 ล้านไร่ เกินแผนที่วางไว้ร้อยละ 8 (แผน 6.41 ล้านไร่) เฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 4.26 ล้านไร่ เกินแผนที่วางไว้ร้อยละ 51 (แผน 2.81 ล้านไร่)

 ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทาน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ควบคุมพื้นที่เพาะปลูกให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด พร้อมบริหารจัดการน้ำด้วยความประณีต หมุนเวียนการส่งน้ำตามรอบเวร เพื่อให้ทุกพื้นที่มีปริมาณน้ำเพียงพออย่างเท่าเทียมกัน  รวมทั้งดำเนินการตามมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำปี64/65 ตามมติที่คณะรัฐมนตรีกำหนดทั้ง 8 มาตรการอย่างเคร่งครัด  ติดตามประเมินผลนำข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) มาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์  เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ อาทิ เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ พร้อมช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันที  ที่สำคัญทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ถึงปริมาณน้ำและสถานการณ์น้ำให้เกษตรกรรับทราบอย่างต่อเนื่อง รณรงค์ให้เกษตรกรหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำและลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายได้  และขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อทุกกิจกรรมตลอดช่วงฤดูแล้งนี้