“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ พบการระบาดเพิ่มในเรือนจำ/ทัณฑสถาน 2 แห่ง ขณะที่สถานการณ์โดยรวมยังดี มีการดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเป็นระบบ”
ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ COVID-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 6/2565 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ พบการระบาดเพิ่มในเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเป็นเรือนจำระบาดใหม่ และเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครที่พบการระบาดซ้ำในแดนบางส่วน จึงมีเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 126 แห่ง และเรือนจำสีแดง 16 แห่ง โดยในจำนวนดังกล่าวมีเรือนจำสีแดงที่สามารถลดการระบาดและอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) จำนวน 5 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอไชยา เรือนจำจังหวัดพังงา เรือนจำจังหวัดหนองคาย เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร และเรือนจำจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งจะพ้นจากการระบาดในเร็ว ๆ นี้
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 52 ราย เป็นการพบในห้องแยกกักโรค 45 ราย และพบแดนในของเรือนจำสีแดง 7 ราย มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 603 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 85.2% กลุ่มสีเหลือง 14.8% โดยไม่มีผู้ป่วยกลุ่มสีแดงอาการหนัก และมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 85,932 ราย หรือ 96.5% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 89,028 ราย ไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นวันที่ 11 จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 190 ราย หรือ 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด และในส่วนของการดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังนั้น ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 248,632 ราย หรือคิดเป็น 91.3% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 271,590 ราย
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยทั่วไปยังคงไม่น่ากังวล แม้จะพบการระบาดเพิ่มในระยะนี้ แต่ยังสามารถดูแลและรักษาผู้ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การประสานความร่วมมือจากโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อตรวจคัดกรอง คัดแยก และรักษา พร้อมทั้งการสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์อย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วจนสามารถลดผู้ป่วยอาการหนักและลดการเสียชีวิตลงได้อย่างมีประสิทธิผล พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้เรือนจำที่พบการระบาด เร่งจัดเตรียมและดำเนินการตามแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือแผน EXIT โดยเร็ว เพื่อให้เรือนจำสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติในการควบคุมและรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ต่อไป
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 พบมีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัวจำนวน 12 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 9 ราย เด็กและเยาวชน จำนวน 3 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 47 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 6 แห่ง พบว่ามีการติดเชื้อ และ 3 แห่ง หมดสถานะ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 3,509 ราย หรือคิดเป็น 91.81% จากทั้งหมด 3,822 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,941 ราย หรือคิดเป็น 93.65% จากทั้งหมด 4,208 ราย