รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 1/2565
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมฯ และรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมฯ ด้วย
ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาและเห็นชอบสถานที่จัดการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสถานที่จัดงานเลี้ยงอาหารค่า (Gala Dinner) เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นาและคู่สมรส ณ หอประชุมกองทัพเรือ
โดยประเทศไทยได้เปิดศักราชใหม่ 2565 ในฐานะเจ้าภาพการประชุมเอเปคและการเป็นผู้นาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วภูมิภาค พร้อมปรับกระบวนทัศน์สู่การฟื้นฟูครั้งใหญ่รับความท้าทายหลังวิกฤติ COVID-19 ที่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” (Open. Connect. Balance.) เป็นการเปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ต่อทุกโอกาส เปิดโอกาสด้านการค้าการลงทุนในทุกมิติ ฟื้นฟูความเชื่อมโยงในทุกมิติหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องหยุดชะงัก และสร้างสมดุลในทุกแง่มุม โดยมุ่งเน้นการเจริญเติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ครอบคลุม ยั่งยืน และคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG Economy (Bio-Circular-Green)
กระทรวงคมนาคมได้มีส่วนช่วยสนับสนุนการเตรียมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงคมนาคมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทางานด้านการขนส่งของเอเปค ครั้งที่ 52 ระหว่างวันที่ 14 – 16 กันยายน 2565 ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะใช้เวทีดังกล่าวในการนาเสนอโครงการสาคัญ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นร่วมกันระหว่าง 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ โครงการ MR-MAP ซึ่งจะบูรณาการโครงข่ายการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่ออำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน และโครงการ Southern Land Bridge ชุมพร – ระนอง เพื่อลดระยะทางและพลังงานในการขนส่งสินค้าจากตะวันออกกลางมายังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งทางถนนมาเป็นระบบรางให้มากขึ้น ลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูง การสนับสนุนการจัดทำแนวทางด้านการขนส่งคนและสินค้าตามมาตรฐานสากล อาทิ ICAO และ IMO เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมโยงและความเชื่อมั่นในการเดินทางและการท่องเที่ยวภายหลังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคต การส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคคมนาคมขนส่ง และนวัตกรรมที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาด อาทิ เรือพลังงานไฟฟ้า รถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า รถไฟพลังงานไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น