วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00 น. นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้ นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย นางสาววิจิตร หลงชิน ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย นักวิชาการพัฒนาชุมชน (ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มงาน) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและมอบแนวทางในการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” แปลงพื้นที่ต้นแบบระดับครัวเรือน (Household Lab Model for quality of Life : HLM) พื้นที่ 3 ไร่ แปลงนางสวาท บุญเลิง บ้านสองคอน หมู่ที่ 10 ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายวิริยะ เสาทอง พัฒนาการอำเภอเดชอุดม นักวิชาการพัฒนาชุมชนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมคณะ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน และเจ้าของแปลงโคก หนอง นาในพื้นที่อำเภอเดชอุดม ร่วมให้การต้อนรับและสนับสนุนการดำเนินงาน
นายวิริยะ เสาทอง พัฒนาการอำเภอเดชอุดม ได้กล่าวรายงานข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องของอำเภอเดชอุดม ซึ่งมีทั้งสิ้น 16 ตำบล 19 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีผู้ร่วมโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” งบเงินกู้รัฐบาลทั้งสิ้น 799 แปลง และมีบางแปลงที่มีปัญหาไม่สามารถขุดปรับพื้นที่ได้เนื่องจากสภาพดินไม่เหมาะสม จึงได้คืนงบประมาณบางส่วนให้ทางหน่วยงานต้นสังกัดได้เปิดโอกาสให้ผู้มีความพร้อมต่อไป
ในส่วนของผลผลิตในแปลง HLM นางสวาท บุญเลิง แห่งนี้ มีการเลี้ยงปลา ทุเรียน เงาะ ลำใย ลิ้นจี่ มะขาม โกโก้ มะเขือ กล้วย อ้อย หญ้าเลี้ยงสัตว์ และผักสวนครัวต่างๆ ตามคันนาทองคำ ซึ่งแปลงนี้มีความพิเศษคือถือเป็นที่แรกหรืออำเภอแรกที่ได้ทำการขุดปรับพื้นที่ก่อนแห่งอื่นในจังหวัดอุบลราชธานี และสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่พื้นที่ หรือที่ภาษาถิ่นชาวอีสานเรียกว่า “จกแรก แฮกหมาน”
โอกาสนี้ นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบแนวทางในการดำเนินงานแก่ผู้นำชุมชนในการสื่อสารทางหอกระจายข่าว อย่างเช่นที่ ท่านพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินรายการผู้ว่าพงศ์รัตน์ พบประชาชนเป็นประจำทุกเช้า “ผมขอแสดงความห่วงใยสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก เนื่องจากโรคดังกล่าว ถือเป็นภัยที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก ผมขอขอบคุณสาธารณสุขอำเภอ ตำบลและบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ได้เสียสละดูแลพี่น้องประชาชนตลอดมา ผมได้รับมอบหมายจาก ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้กำกับดูแลเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้พี่น้องได้ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ลดการพึ่งพาจากภายนอก สามารถปลูกข้าว เลี้ยงปลา ยกตัวอย่างแปลง โคก หนอง นา โมเดล ที่ไปเยี่ยมชมในช่วงเช้าที่อำเภอน้ำยืน สามารถสร้างผลผลิตและจำหน่าย เฉลี่ยวันละ 600-700 บาท จึงได้ขอความร่วมมือจากแปลง 1 ตำบล 1 เกษตรทฤษฎีใหม่ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวน 952 แปลง
ส่วนแปลง “โคก หนอง นา โมเดล” ของจังหวัดอุบลราชธานี มีถึง 4,044 แปลง จึงฝากให้ทุกแปลงได้มีกิจกรรม มีผลผลิตอาหารปลอดภัย สามารถแลกเปลี่ยน แบ่งปัน และจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้ก่อนขยายผลไปสู่โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง Sufficiency Economy Development Zones for Sustainable Development Goals (SEDZ for SDGs) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เชื่อมโยงกับวาระแห่งชาติเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) หรือ BCG ซึ่งอำเภอเดชอุดม มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 145 ครัวเรือน รวมพื้นที่มากกว่า 1 พันไร่ เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายนิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี ต่อไปในอนาคต โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ให้ตอบโจทย์ความปลอดภัยของผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมฯ จะรับซื้อผลผลิตจากโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” ภายในอำเภอ จังหวัด และต่างจังหวัด เพื่อนำไปแปรรูป ส่งจำหน่ายไปทั่วโลกต่อไป” นายทรงพล กล่าว
ในช่วงท้าย ก่อนที่คณะฯ จะได้เยี่ยมชมแปลง “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่ 3 ไร่ ของนางสวาท บุญเลิง นั้น นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชจังหวัดอุบลราชธานี และนางสาววิจิตร หลงชิน รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี ยังได้รับฟังความเห็นและเสียงของประชาชนที่ขอความช่วยเหลือและการสนับสนุนในด้านต่างๆ ในพื้นที่ เช่น พันธุ์ปลา พลังโซลาร์เซลล์ การขยายเขตไฟฟ้า และยังมีผู้มีความต้องการเข้าร่วม “โคก หนอง นา โมเดล” อีกจำนวนหนึ่ง ก่อนที่ทาง รองผู้ว่าราชการจังหวัด จะได้รับเรื่องเพื่อจะได้มอบหมายหรือประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือตามความเหมาะสมต่อไป