กรมชลประทาน คุมเข้มแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/65 หวังให้ปริมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เพียงพอใช้อุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศตลอดแล้งนี้ ด้านการเกษตรให้เพาะปลูกได้ตามแผนและสอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่ พร้อมเดินหน้าประชาสัมพันธ์ รณรงค์ทุกภาคส่วนร่วมกันประหยัดน้ำ ลดเสี่ยงขาดแคลนน้ำในอนาคต
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา กรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (5 ก.พ. 65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 54,084 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 71% ของความจุอ่างฯ รวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 30,152 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำไปแล้วกว่า 11,066 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 50 ของแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 12,857 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 52 % ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ 6,161 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้วกว่า 2,930 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 51 ของแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง
ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ทั้งประเทศมีการเพาะปลูกไปแล้วกว่า 6.52 ล้านไร่ เกินแผนไปแล้ว 1.70 % เฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้วกว่า 4.08 ล้านไร่ เกินแผนไปแล้วกว่า 44 % ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่ง ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ “ประหยัดน้ำ เท่ากับ บริจาค” ภายใต้โครงการ “ประหยัดน้ำ ทางรอดต้านแล้ง” ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทุกภาคส่วนใช้น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค ตลอดจนรักษาระบบนิเวศน์ ตามนโยบายของ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน