“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 116,110,883 โดส และทั่วโลกแล้ว 10,191 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง

“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ฉีดวัคซีนแล้ว 116,110,883 โดส และทั่วโลกแล้ว 10,191 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 908.5 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (111.8%)

➡️(4 กุมภาพันธ์ 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 10,191 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 25.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 541 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 212 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 908.5 ล้านโดส โดยบรูไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (94.8% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 321.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 116,110,883 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 64.75%

🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 10,191 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565

จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 116,110,883 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น

-เข็มแรก 52,420,149 โดส (79.2% ของประชากร)

-เข็มสอง 48,790,423 โดส (73.7% ของประชากร)

-เข็มสาม 14,900,311 โดส (22.5% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ. 64-4 ก.พ. 65 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 116,110,883 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 290,330 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 289,066 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย

วัคซีน Sinovac

– เข็มที่ 1 22,878,723 โดส

– เข็มที่ 2 3,588,446 โดส

– เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca

– เข็มที่ 1 13,750,036 โดส

– เข็มที่ 2 28,269,130 โดส

– เข็มที่ 3 4,223,890 โดส

วัคซีน Sinopharm

– เข็มที่ 1 7,515,492 โดส

– เข็มที่ 2 7,193,998 โดส

– เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer

– เข็มที่ 1 7,572,588 โดส

– เข็มที่ 2 8,976,117 โดส

– เข็มที่ 3 8,477,651 โดส

วัคซีน Moderna

– เข็มที่ 1 703,310 โดส

– เข็มที่ 2 762,732 โดส

– เข็มที่ 3 2,198,770 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย

– บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 114.2% เข็มที่2 112% เข็มที่3 98.4%

– อสม เข็มที่1 80% เข็มที่2 78.1% เข็มที่3 39.2%

– ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 105.7% เข็มที่2 100.6% เข็มที่3 33%

– ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 88.8% เข็มที่2 81.8% เข็มที่3 25.9%

– ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66% เข็มที่2 61.8% เข็มที่3 18.3%

– นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72% เข็มที่2 69.5% เข็มที่3 0%

– เด็กอายุ 5-11 ปี เข็มที่1 0.3% เข็มที่2 0% เข็มที่3 0%

รวม เข็มที่1 75.4% เข็มที่2 70.1% เข็มที่3 21.4%

5. 10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรสูงที่สุด

1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 111.8% เข็มที่2 103.5%

2. ภูเก็ต เข็มที่1 89.7% เข็มที่2 87%

3. ปทุมธานี เข็มที่1 86.9% เข็มที่2 81.9%

4. สมุทรปราการ เข็มที่1 90.8% เข็มที่2 79.6%

5. ระนอง เข็มที่1 83.1% เข็มที่2 79.5%

6. ระยอง เข็มที่1 82.9% เข็มที่2 79.2%

7. ชลบุรี เข็มที่1 81.9% เข็มที่2 78.1%

8. นนทบุรี เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 77.9%

9. พังงา เข็มที่1 78.3% เข็มที่2 75.8%

10. นครปฐม เข็มที่1 75.9% เข็มที่2 75.2%

10 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ครอบคลุมประชากรต่ำที่สุด

1. นราธิวาส เข็มที่1 55.2% เข็มที่2 44.5%

2. แม่ฮ่องสอน เข็มที่1 56.7% เข็มที่2 44.6%

3. ปัตตานี เข็มที่1 56% เข็มที่2 45.1%

4. ตาก เข็มที่1 57.2% เข็มที่2 48.3%

5. ยะลา เข็มที่1 62.4% เข็มที่2 52.1%

6. กาญจนบุรี เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 53.5%

7. ลพบุรี เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 53.9%

8. บึงกาฬ เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 55%

9. หนองบัวลำภู เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 56.4%

10. สกลนคร เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 57.3%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 906,639,278 โดส ได้แก่

1. อินโดนีเซีย จำนวน 321,258,956 โดส (67.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm

2. เวียดนาม จำนวน 181,581,833 โดส (81%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm

3. ฟิลิปปินส์ 127,570,820 โดส (54.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca

4. ไทย จำนวน 116,110,883 โดส (79.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm

5. มาเลเซีย จำนวน 63,743,710 โดส (79.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac

6. พม่า จำนวน 41,196,433 โดส (40.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

7. กัมพูชา จำนวน 34,331,259 โดส (84.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac

8. สิงคโปร์ จำนวน 12,870,890 โดส (91%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac

9. ลาว จำนวน 8,879,407 โดส (64.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca

10. บรูไน จำนวน 979,285 โดส (94.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm

* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค

1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.52%

2. ยุโรป 10.44%

3. อเมริกาเหนือ 8.79%

4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.12%

5. แอฟริกา 3.52%

6. โอเชียเนีย 0.61%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก

1. จีน จำนวน 3,009.90 ล้านโดส (212.8% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)

2. อินเดีย จำนวน 1,684.72 ล้านโดส (122.2%)

3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 540.63 ล้านโดส (161.2%)

4. บราซิล จำนวน 365.11 ล้านโดส (172.4%)

5. อินโดนีเซีย จำนวน 321.26 ล้านโดส (116%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)

1. คิวบา (302.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)

2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (254.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)

3. ชิลี (240.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)

4. บาห์เรน (228.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)

5. เดนมาร์ก (225%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ J&J)

6. เกาหลีใต้ (223.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech J&J AstraZeneca/Oxford และ Moderna)

7. มัลดีฟส์ (223.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)

8. บรูไน (222.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm)

9. กาตาร์ (220%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderma)

10. สิงคโปร์ (218.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุขประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)