“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ สถานการณ์ทั่วไปยังคงที่ มีการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเป็นระบบ

“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ สถานการณ์ทั่วไปยังคงที่ มีการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเป็นระบบ ด้านเรือนจำภูเก็ต EXIT แล้ว คาดว่าเรือนจำพิษณุโลก EXIT ได้เร็ว ๆ นี้”

ในวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 5/2565 โดยมี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2565 เวลา 16.00 นาฬิกา) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 28 ราย อยู่ในห้องกักตัว 22 ราย จากเรือนจำสีแดง 6 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 716 ราย มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 85,600 ราย หรือ 96.4% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 88,796 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 190 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำวันนี้ ยังคงที่ โดยไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จึงมีจำนวนเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 132 แห่ง และเรือนจำสีแดง 10 แห่ง แบ่งเป็นเรือนจำระบาดใหม่ 6 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอแม่สะเรียง เรือนจำอำเภอรัตนบุรี เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร เรือนจำจังหวัดหนองคาย และเรือนจำอำเภอไชยา ส่วนอีก 3 แห่ง คือ เรือนจำอำเภอหลังสวน ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น และเรือนจำจังหวัดอุทัยธานี เป็นเรือนจำที่พบการติดเชื้อซ้ำในแดนบางส่วน รวมถึงเรือนจำกลางพิษณุโลกที่สามารถ EXIT ได้เป็นบางส่วน ซึ่งคาดว่าจะพ้นจากการระบาดทั้งเรือนจำได้ในเร็ว ๆ นี้

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้ติดตามสถานการณ์ของเรือนจำที่พบการระบาดแต่ละแห่ง ได้เน้นย้ำเรือนจำและทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาดให้ปฏิบัติตามแผนการบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต หรือ BCP ที่กำหนดไว้ รวมทั้งกำชับการป้องกันมิให้ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างกักโรคหลบหนีออกไปภายนอกได้ โดยสั่งการให้กรมราชทัณฑ์รีบสอบสวน และรายงานสาเหตุที่อาจเกิดจากข้อบกพร่องแต่ละครั้งให้กระทรวงยุติธรรมทราบภายใน 30 วัน ทั้งนี้ ด้านการดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 248,611 ราย หรือคิดเป็น 91.16% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 271,536 ราย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 พบมีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัวเป็นจำนวน 28 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 11 ราย และเยาวชน จำนวน 17 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 51 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 5 แห่ง พบว่ามีการติดเชื้อ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น รวมจำนวน 3,488 ราย หรือคิดเป็น 90.08% จากทั้งหมด 3,872 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,933 ราย หรือคิดเป็น 93.39% จากทั้งหมด 4,211 ราย

******