นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้กรมบังคับคดีดำเนินภารกิจฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ และเสริมสร้างสภาพคล่องในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิดระบาด ซึ่งส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยการฟื้นฟูกิจการเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่สามารถช่วยแก้ปัญหาไม่ให้ธุรกิจต้องล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ของกรมบังคับคดีจึงทำหน้าที่คนกลางช่วยประสานระหว่างลูกหนี้และบรรดาเจ้าหนี้ และควบคุมดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ทำแผนและผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ของบรรดาเจ้าหนี้ และการจัดประชุมเจ้าหนี้ให้ถูกต้องและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมยังได้เพิ่มช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในคดีโดยไม่มีระยะทางหรือค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นอุปสรรคคือ เพิ่มช่องทางในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ทางเว็บไซต์ หรือการประชุมเจ้าหนี้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) รวมไปถึงการลงมติในวาระการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการผ่าน แอปพลิเคชั่น แอลอีดี โหวต (Application LED Vote) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหนี้ในการเข้าประชุมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นางทัศนีย์ เผยอีกว่า ตั้งแต่ปี 2563 – 2564 มีบริษัทที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการมากถึง 25 คดี ปัจจุบันมีคดีที่อยู่ระหว่างศาลล้มละลายกลางพิจารณาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ 13 คดี และคดีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ และอยู่ในระหว่างกระบวนการจัดทำแผนและดำเนินการตามแผน 12 คดี ซึ่งแต่ละคดีเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการหลาย ๆ ประเภท เช่น ธุรกิจ การโรงแรม การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภารกิจดังกล่าวจึงสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายฟื้นฟูกิจการที่ต้องการรักษากิจการของลูกหนี้เพื่อให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยังคุ้มครองประโยชน์ของบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้รับชำระหนี้อย่างเป็นธรรม เช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจขนาดกลางหรือเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินก็เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการได้เช่นเดียวกัน